เอาเข้าจริงๆ แล้ว การที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกมาตั้งคำถามอย่างร้อนรน ต่อการเดินเข้าสู่ถนนการเมืองของนายเศรษฐา ทวีสิน ที่ว่า เขาเก่งอะไร เขาทำอะไร เขาเป็นนักธุรกิจ พร้อมกับย้ำว่า ประเทศนี้ไม่ใช่ธุรกิจ

ถือได้ว่าเป็นการพูดในฐานะที่พล.อ.ประยุทธ์ เป็นผู้นำของรัฐราชการ

หัวหน้าเครือข่ายรัฐราชการ ตั้งคำถามเพื่อพุ่งเป้าโจมตีนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ แล้วกำลังก้าวเข้าสู่การเมือง!

คงจำกันได้ว่า นับจากมีรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 ซึ่งเปิดให้ระบบพรรคการเมืองเข้มแข็ง พร้อมๆ กันก็ทำให้ระบบราชการถูกลดทอนให้เล็กลง

เพราะการเติบโตของประชาธิปไตยและอำนาจของประชาชน ทำให้สังคมตระหนักดีว่า ระบบราชการอันใหญ่โตเทอะทะ เป็นกลไกที่ขัดขวางการพัฒนาประเทศ

นั่นทำให้รัฐราชการ โดยเฉพาะกองทัพ เครือข่ายราชการที่ใหญ่ที่สุด เกิดความคับข้องใจต่อนักการเมืองในระบอบประชาธิปไตย จนเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ต้องตัดสินใจล้มกระดานการเมือง!!

หลังการเฟื่องฟูของประชาธิปไตยและการเลือกตั้ง ด้วยรัฐธรรมนูญ 2540 จึงต้องเกิดรัฐประหาร

รัฐประหาร 19 กันยายน 2549 เพื่อโค่นทักษิณ และรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 เพื่อล้มยิ่งลักษณ์








Advertisement

คือการดิ้นรนของรัฐราชการ และพยายามทำให้นักธุรกิจที่เข้าสู่การเมือง เป็นคนเลวร้าย โกงกิน!?

แต่ทำไมหลังรัฐประหาร 2549 ล้มทักษิณแล้ว หลังจากนั้น พรรคการเมืองในขั้วทักษิณ ก็ยังชนะเลือกตั้งมาโดยตลอด

เลือกตั้ง 2554 ยิ่งลักษณ์และเพื่อไทย ชนะถล่มทลาย จนได้เป็นนายกฯ หญิงคนแรกของประเทศไทย!

ถือเป็นประชามติจากประชาชนคนส่วนใหญ่ ที่แสดงออกผ่านการเดินเข้าคูหากาบัตร

นั่นแสดงว่าข้ออ้างของคณะรัฐประหารที่ว่า นักการเมืองทุจริตโกงกิน จึงต้องยึดอำนาจนั้น ไม่ใช่ความคิดเห็นของประชาชน

ที่สำคัญการใช้รถถังใช้กองทัพเข้ามายึดอำนาจล้มรัฐบาล แสดงให้เห็นว่า เพราะประชาชนไม่ได้เห็นคล้อยตามไปด้วย จนไม่สามารถล้มนักธุรกิจ ผ่านมือประชาชนได้!!

จึงต้องเอารถถัง เอาทหาร ออกมาล้มเอง ซึ่งไม่ถูกต้องและสร้างความถดถอยให้แก่ประเทศชาติอย่างมาก

นับจากรัฐประหาร 2557 ทำให้พล.อ.ประยุทธ์ ได้เป็นนายกฯ และสืบต่อในการเลือกตั้ง 2562 ด้วยกลไก 250 ส.ว.

มาในการเลือกตั้ง 2566 นี้ เมื่อมีเศรษฐา และอุ๊งอิ๊ง จากเพื่อไทยลงชิงเก้าอี้นายกฯ

เครือข่ายรัฐราชการ อาจจะเริ่มนั่งไม่ติด ต้องออกมาโหมโจมตีความเป็นนักธุรกิจเป็นพ่อค้า ว่าจะต้องฉกฉวยกำไร และโกงกิน

ทั้งที่วิสัยทัศน์ในการแก้ปัญหาประเทศท่ามกลางโลกยุคใหม่ นับว่าต่างระดับกันอย่างมาก ความคิดกว้างไกลอันนำมาสู่ความสามารถในการบริหารประเทศและพลิกฟื้นเศรษฐกิจ ถือได้ว่า เป็นมือคนละชั้น

รัฐราชการ ที่เต็มไปด้วยนักจัดซื้อจัดจ้าง และค่าคอมมิสชั่น เป็นความจริงที่ประชาชนเห็นกันได้

รัฐราชการที่มากด้วยความเป็นเจ้าขุนมูลนาย เป็นเรื่องเห็นๆ จนประชาชนเขาไม่อยากทนอีกต่อไป!

วงค์ ตาวัน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน