วันก่อนนายเศรษฐา ทวีสิน ซึ่งคาดว่าคงจะเป็น 1 ในแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทย ออกเดินสายหาเสียง เข้าพื้นที่คลองเตย พบปะกับประชาชนในชุมชนแออัด แล้วลงลุยท้องทุ่ง ล้อมวงกินข้าวกับชาวนา พูดคุยปัญหาราคาข้าวตกต่ำ วางตัวแบบติดดิน

แต่ถูกบางคนวิพากษ์วิจารณ์ว่า แค่สร้างภาพ ไม่เป็นธรรมชาติ เพราะชีวิตจริงคือนักธุรกิจใหญ่คือเศรษฐี

ทั้งที่เป็นการวางตัวอย่างอ่อนน้อมถ่อมตน เดินเข้าหามวลชนสัมผัสชีวิตยากลำบาก

จนมีข้อสังเกตว่า สงสัยคงชอบแบบพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กระมัง

ออกเดินสายพบปะประชาชน แต่สั่งสอนชาวบ้านตลอดเวลา ราวกับเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาในค่ายทหาร

นักธุรกิจมีสตางค์ อ่อนน้อมเข้าหาชาวบ้าน กลับไม่ชอบใจ หรือจะชอบใจอดีตนายทหารที่ยังวางมาดมากอำนาจอยู่!?!

จุดสำคัญสุดคือ นักการเมืองในระบอบประชาธิปไตย ผู้ที่เข้าสู่สภาเข้าสู่ทำเนียบรัฐบาล โดยอาศัยการเลือกตั้งจากประชาชนล้วนๆ

ไม่มี 250 ส.ว.จากการแต่งตั้ง มาเป็นกลไกเอารัดเอาเปรียบ








Advertisement

ดังนั้น วิถีของนักการเมือง จึงมีแต่การมุ่งรับใช้เอาใจชาวบ้าน ผู้มีบุญคุณให้คะแนนเสียง

ต่างจากคนที่ออกพบปะเยี่ยมเยียนประชาชน แต่เป็นแบบคนมีอำนาจ ไม่ใช่ท่วงทำนองอ่อนน้อม

แถมเมื่อมีคนมาชู 3 นิ้ว มีคนตะโกนต่อต้าน ต้องโดนหิ้วโดนล็อกโดนปิดปาก!

แตกต่างจากนักการเมืองที่โดนกลุ่มต่อต้านมาถือป้ายประท้วง ข้างเวทีปราศรัย อย่างเช่น พรรคก้าวไกล

ใช้วิธีการแก้ปัญหา ด้วยการเข้าไปพบ เข้าไปถาม

เข้าไปพิสูจน์อย่างสันติวิธีเพื่อให้เห็นว่า มาต่อต้านเพราะอะไร มีเหตุผลแท้จริงหรือไม่!?

นักการเมืองหรือพรรคการเมืองโดยปกติ จะไม่มีการใช้อำนาจจัดการกับคนคิดต่าง หรือคนมาประท้วงต่อต้าน

เพราะทะเลาะกับประชาชน ก็คือทำลายฐานเสียงของตัวเอง

นักการเมืองตามระบอบประชาธิปไตย ไม่มีอำนาจพิเศษ ไม่มีปืนรถถังหนุนหลัง

ไม่มี 250 ส.ว. นอนรอโหวตให้อยู่ในสภา

นักการเมืองบนเส้นทางการเลือกตั้งแท้ๆ จะไม่เลือกวิธีการใช้อำนาจกับชาวบ้าน

นักธุรกิจมีเงินอย่างนายเศรษฐา เมื่อเข้าสู่การเมืองวิถีเลือกตั้ง ก็ต้องปรับตัวติดดิน น้อมตัวเข้าหามวลชน

ไม่ใช่แบบอดีตนายพล ที่ไม่เคยอ่อนน้อม และพร้อมจัดการกับคนคิดต่างอย่างคนมากอำนาจ!!

วงค์ ตาวัน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน