วิกฤตฝุ่นพีเอ็ม 2.5 ยังคงอยู่ในระดับรุนแรง พื้นที่อันตรายยังแผ่กว้างไปทั่ว ขณะที่เราได้ยินได้ฟังคำเตือนประชาชนว่า ให้งดเว้นกิจกรรมกลางแจ้ง ไม่ควรวิ่งออกกำลัง เดินออกกำลัง ถ้าจำเป็นจะต้องอยู่นอกบ้านต้องใส่หน้ากากอนามัยที่สามารถกันฝุ่นละอองมหาภัยทุกครั้ง

ในจำนวนนี้ต้องส่งคำเตือนไปถึงนักการเมืองด้วย เพราะกำลังอยู่ในฤดูหาเสียงเลือกตั้ง

ต้องเปิดหน้ากากขึ้นปราศรัยในเวทีโล่งแจ้ง ต้องขึ้นรถปราศรัยวิ่งไปบนท้องถนน

ทั้งเปิดปากทั้งสูดอากาศ

เสี่ยงจะรับฝุ่นละอองมหาภัยเข้าปากเข้าจมูกได้มากๆ

มีโอกาสเจ็บป่วยจากฝุ่นพิษในช่วงการปราศรัยหาเสียง จึงน่าเป็นห่วงเหล่านักการเมืองเป็นอย่างยิ่ง!!

ความที่รัฐบาล ไม่เป็นที่พึ่งหวังอะไรได้มาก ในการแก้ไขสถานการณ์พีเอ็ม 2.5

จึงได้แต่หวังว่า สภาพดินฟ้าอากาศจะแปรเปลี่ยน ทิศทางลมจะช่วยพัดพาฝุ่นละอองให้คลี่คลายลงได้








Advertisement

ระหว่างนี้ต้องออกหาเสียงกันอีก 2 เดือน กว่าจะถึงวันเลือกตั้ง ถ้าโชคดีธรรมชาติมาช่วยแก้ปัญหาให้ได้ ก็จะเป็นเรื่องดีกับนักการเมืองทั้งหลาย

ประเด็นนี้ ก็เลยเกิดข้อวิจารณ์กันเป็นที่เฮฮาว่า รัฐบาลไม่ค่อยอยากจะแก้เรื่องฝุ่น

คงเพื่อทำให้นักการเมืองพรรคอื่นๆ ที่ถนัดปราศรัยหาเสียง มีอุปสรรคขัดขวาง ยากลำบากในการขึ้นเวทีหรือขึ้นรถไปตามท้องถนน อะไรทำนองนั้น!?!

อันที่จริง การทำหน้าที่ของนักการเมือง แล้วต้องเผชิญกับฝุ่นพิษนั้น ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ

เกิดเหตุกับนักการเมืองที่ขึ้นเวทีปราศรัยและขึ้นรถหาเสียงมาแล้ว

หัวหน้าพรรคก้าวไกล พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ไปหาเสียงที่เชียงใหม่ จนล้มป่วยด้วยโรคหลอดลมอักเสบต้องนอนโรงพยาบาลมาแล้ว!!

พิษภัยพีเอ็ม 2.5 น่าเป็นห่วงจริงๆ

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในช่วงระยะที่เป็นห้วงสำคัญของการเมืองในระบอบประชาธิปไตย

ความที่ช่วงการเลือกตั้ง คือ ช่วงการคืนอำนาจให้ประชาชน ให้ช่วยกันตัดสินใจอนาคตประเทศชาติ

การออกปราศรัยหาเสียงขึ้นรถแห่ของเหล่านักการเมือง เป็นส่วนสำคัญในการปลุกบรรยากาศประชาธิปไตยให้คึกคัก

ถ้าหากรัฐบาลแก้ปัญหาฝุ่นได้ดีกว่านี้ จะช่วยให้นักการเมืองปลอดภัยกว่านี้

ถือเป็นการส่งเสริมการเลือกตั้งและส่งเสริมประชาธิปไตยด้วย

แต่ก็อย่างว่า สงสัยเพราะผู้นำรัฐบาล ไม่ถนัดปราศรัยขึ้นรถแห่ ก็เลยไม่สนใจแก้ไขให้!?

วงค์ ตาวัน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน