กลายเป็นอีกสีสันทางการเมือง สำหรับการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง คือ ท่าทีของกลุ่มสามมิตร ที่ตัดสินใจย้ายมาอยู่เพื่อไทย ทั้งนายสมศักดิ์ เทพสุทิน และนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ขาดก็แต่นายอนุชา นาคาศัย ที่ย้ายไปอยู่กับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เข้าสังกัดพรรครวมไทยสร้างชาติก่อนหน้านี้

แม้จะมาแค่สองมิตร ไม่ครบทีม แต่จุดที่สังคมจับตาก็คือ ตัวนายสมศักดิ์ เทพสุทิน ผู้ได้ชื่อว่า ในการเลือกตั้งทุกครั้ง จะตัดสินใจสังกัดพรรคที่จะชนะเลือกตั้งได้เป็นรัฐบาลเท่านั้น

แถมกล้าพูดอย่างเต็มปากเต็มคำด้วยว่า ถนัดแต่เป็นรัฐบาล ไม่ถนัดเป็นฝ่ายค้าน

ดังนั้น การที่กลุ่มสามมิตร ออกจากพลังประชารัฐ มาเข้าเพื่อไทย

จึงกลายเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์กันเฮฮาว่า เหนือกว่าทุกโพล ก็คือ ทิศทางของกลุ่มสามมิตรนี่แหละ

ถ้าสามมิตรเลือกไปไหน แสดงว่าพรรคนั้นต้องได้เป็นแกนนำตั้งรัฐบาลแน่ๆ!

คงจำได้ว่า ในการเลือกตั้งปี 2562 นั้น สามมิตรเลือกซบพรรคพลังประชารัฐ เพราะมั่นใจว่าเป็นรัฐบาลแน่นอน

โดยนายสมศักดิ์ได้สร้างวาทกรรมที่เป็นอมตะทางการเมืองได้เลยทีเดียว








Advertisement

ด้วยคำกล่าวว่าพลังประชารัฐได้จัดตั้งรัฐบาลแน่ เพราะรัฐธรรมนูญฉบับนี้ดีไซน์มาเพื่อพวกเรา!

พร้อมๆ กันมีกระแสข่าวออกมาทำนองว่า เมื่อนายสมศักดิ์ตัดสินใจจะย้ายไปเพื่อไทยนั้น

มีคำกล่าวในหมู่คนใกล้ชิดว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ ใช้ระบบบัตร 2 ใบ ซึ่งไม่ได้ดีไซน์มาเพื่อพวกเรา แต่เข้าทางเพื่อไทยมากกว่า!!

นั่นแหละจึงทำให้สามมิตรประกาศทิศทางการเมือง ด้วยการเข้าพรรคเพื่อไทยในที่สุด

ในการแถลงข่าวของนายสมศักดิ์ เพื่อลาออกจากพลังประชารัฐ

ได้ระบุด้วยว่า 4 ปีที่ผ่านมา พลังประชารัฐไม่สามารถทำเรื่องเศรษฐกิจให้เป็นที่พอใจของประชาชนได้ เพราะเป็นรัฐบาลผสม ทำให้พลังประชารัฐไม่ได้ดูกระทรวงเศรษฐกิจทั้งหมด

การจะแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ดีต้องมองไปที่พรรคการเมืองที่จะแลนด์สไลด์ จึงต้องเป็นเพื่อไทย!

แต่ก็นั่นแหละ ทิศทางของสามมิตรถือเสียว่าเป็นสีสันทางการเมือง

พร้อมกับเสียงวิจารณ์อื้ออึงว่า เป็นกลุ่มที่เล่นการเมืองแบบไม่ได้เลือกในแนวทางอุดมการณ์พรรค เลือกเป็นรัฐบาลเท่านั้น

ถูกมองว่าไม่ใช่นักการเมืองที่จะสร้างความก้าวหน้าให้กับประชาธิปไตย เพราะไม่มีคุณภาพ

หากดูเส้นทางการเมืองของนายสมศักดิ์และสามมิตร ก็เป็นเช่นนั้นจริง คือผ่านมาแล้วหลายพรรค เน้นเป็นรัฐบาลจริงๆ

ทำให้ถูกมองว่าไม่มีอุดมการณ์อะไรเลย

แต่ก็นั่นแหละ จุดด้อยกลายเป็นจุดเด่น กลายเป็นตัวชี้วัดผลเลือกตั้งที่เหนือกว่าโพลเสียอีก!

วงค์ ตาวัน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน