คนกลาง ได้กลายเป็นทางออกที่ทำให้เก้าอี้ประธานสภาลงเอยได้ด้วยดี เมื่อเดิมทีก้าวไกลและเพื่อไทยตกลงกันไม่ได้ แล้วหันไปเลือกนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ ซึ่งเป็นพรรคอันดับ 3 ในขั้วจัดตั้งรัฐบาล มาเป็นท่านประธานที่เคารพแทน
เป็นข้อเสนอจากเพื่อไทย ที่ก้าวไกลไตร่ตรองแล้วเห็นพ้องด้วย
ลงเอยผลการประชุมสภาเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม ก็ได้นายวันนอร์ เป็นประธานสภาอย่างเป็นเอกฉันท์ ไม่มีการโหวตแข่ง ขณะที่รองประธานคนที่ 1 เป็นของก้าวไกล และรองประธานคนที่ 2 เป็นของเพื่อไทย
ทุกอย่างเป็นไปโดยราบรื่น
อีกทั้งกรณีรองประธานคนที่ 1 มีการเสนอชื่อแข่ง ซึ่งผลการโหวตบอกว่า 8 พรรครัฐบาลเหนียวแน่นกันยิ่ง คะแนนเสียงของนายปดิพัทธ์ สันติภาดา ไม่มีฝ่ายจัดตั้งรัฐบาลแตกแถวออกไป
ก้าวไกลและเพื่อไทย พร้อมอีก 6 พรรค จึงเดินหน้าต่อไปอย่างมั่นคง เพื่อไปสู่การโหวตนายกฯ ในราวกลางเดือนนี้ เพื่อการจัดตั้งรัฐบาลเข้าบริหารประเทศต่อไป!
การเมืองเป็นเรื่องการต่อรองและเจรจาแบ่งปันกัน
บทเรียนจากการตั้งประธานสภา คงทำให้ทั้งก้าวไกลและเพื่อไทยได้ประจักษ์ชัดว่า ถ้าไม่มีใครยอมใคร แล้วไม่คิดหาทางออกที่เป็นไปได้ เหมาะสม ยอมรับกันได้ทั้งสองฝ่าย
อาจนำไปสู่จุดแตกหัก นำไปสู่การแตกขั้ว การข้ามขั้วได้
พรรค 1 และ พรรค 2 ต่างไม่ยอมถอย สุดท้ายพรรคที่ 3 เป็นคนกลางเป็นทางออก
จึงทำให้ขั้ว 8 พรรค ยังสามารถเดินหน้าต่อไปได้ มุ่งจัดตั้งรัฐบาลฝ่ายประชาธิปไตยให้ได้!
ขณะที่ด่านต่อไป คือ การโหวตแต่งตั้งนายกฯ ซึ่งมีด่านส.ว.ก่อกำแพงสูงใหญ่ขวางกั้นทางอยู่
เป็นด่านที่ยากลำบากและโหดหินกว่าการตั้งประธานสภาหลายเท่า
แต่อย่างน้อย ขั้ว 8 พรรคก็จะบุกตะลุยต่อไป ไม่มีขัดแย้งแตกแยก
การผลักดันนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกฯ ของพรรคอันดับ 1 ยังเป็นเป้าหมายร่วมกัน!
เพียงแต่จะบรรลุเป้าหมายหรือไม่
เพราะทอดสายตาไปเบื้องหน้า เห็นแต่อุปสรรคขัดขวางโถมถล่มใส่แทบทุกทาง
ถ้า 8 พรรคยังรักกันมั่นคง สุดท้ายตำแหน่งนายกฯ ต้องตกอยู่ในขั้ว 8 พรรคนี้
เพียงแต่ดันพรรคที่ 1 จนถึงที่สุด ถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็มาตกที่แคนดิเดตนายกฯ ของพรรคที่ 2
มีรุกมีถอยมีการหาทางออกที่เหมาะสมร่วมกัน
เรื่องประธานสภาก็หาทางออกจนผ่านมาได้แล้ว เรื่องนายกฯ ก็ต้องผ่านไปให้สำเร็จ!!
วงค์ ตาวัน
