เมื่อการแต่งตั้งนายกฯ คนใหม่ต้องล่าช้าไปอีกอย่างน้อยครึ่งเดือน ด้วยต้องรอฟังผลการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ ต่อกรณีคำร้องมติรัฐสภาห้ามเสนอชื่อพิธาซ้ำสอง เป็นการขัดกับรัฐธรรมนูญหรือไม่ ซึ่งการประชุมศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม เห็นควรให้เลื่อนไปพิจารณาในวันที่ 16 สิงหาคม
ส่งผลต่อการนัดประชุมเลือกนายกฯ คนใหม่ ในวันที่ 4 สิงหาคม ต้องเลื่อนออกไปด้วย
เพียงแค่รอไปอีกอย่างน้อยครึ่งเดือนเท่านั้น ก็มีผลตามมาอย่างแน่นอนคือ รัฐบาลรักษาการ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องเป็นผู้ลงมือทำเรื่องสำคัญ
การแต่งตั้งโยกย้ายผบ.เหล่าทัพและผบ.ตำรวจ ซึ่งปีนี้เกษียณรวด ทั้งผบ.ทบ. ผบ.ทอ. ผบ.ทร. และผบ.ทหารสูงสุด รวมไปถึงผบ.ตร.ด้วย
เป็นการแต่งตั้งโยกย้ายครั้งใหญ่และมีผลต่อสถานะของรัฐบาลชุดต่อไปอย่างปฏิเสธไม่ได้
เดิมทีก็เหมือนจะต้องรอรัฐบาลใหม่ แต่เมื่อต้องเลื่อนออกไปยาวเช่นนี้ อำนาจแต่งตั้งต้องอยู่ในมือของพล.อ.ประยุทธ์ไปในที่สุด!
ความจริงท่าทีของพล.อ.ประยุทธ์นั้น ประกาศวางมือทางการเมืองไปแล้ว
ทุกวันนี้ก็แค่รักษาการรอรัฐบาลชุดใหม่ พร้อมจะอำลาทำเนียบรัฐบาลกลับไปนอนบ้าน
ถ้าวันที่ 4 สิงหาคม โหวตนายกฯ ได้เรียบร้อย พล.อ.ประยุทธ์ก็เก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋าได้เลย แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้น
แถมรัฐบาลรักษาการ ซึ่งไม่มีอำนาจทำอะไรได้สักเท่าไหร่
แต่ไปๆ มาๆ ก็ได้สิทธิ์ทำบัญชีโยกย้าย 4 ผบ.ทหารและผบ.ตร. จนได้!
จะว่าไปแล้วที่ผ่านมา ท่าทีของพล.อ.ประยุทธ์ ต่อโผทหารและตำรวจนั้น ก็นิ่งๆ เฉยๆ
เนื่องจากกรอบเวลาของการทำบัญชีย้ายทหารตำรวจในส่วนหัวนั้น จะต้องทำกันในช่วงเดือนสิงหาคม
แถมมีทีท่าว่าจะโหวตนายกฯ ใหม่ได้ในต้นเดือนสิงหาคม เช่นนี้รัฐบาลรักษาการก็ต้องรอตามมารยาท
ดังนั้นเมื่อสุดท้ายต้องเลื่อน รัฐบาลรักษาการคงจำเป็นต้องลงมือจัดทำโผเอง
โดยกรอบเวลานั้น ระดับผบ.ทหารและตำรวจ จะต้องทำให้จบในเดือนสิงหาคม
รวมไปถึงระดับนายพลด้วย ตั้งแต่ระดับ รองผบ.ลงไปถึงผู้การ
ดีไม่ดีรัฐบาลรักษาการประยุทธ์ อาจได้สิทธิ์ทำกันไปทั้งหมด หากยังต้องรักษาการไปยาวๆ ถ้าหากรัฐบาลใหม่ยังไม่ได้เสียที
แต่นี่หมายถึงอำนาจในการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ ที่รัฐบาลรักษาการทำได้และคงอยากทำ!
ส่วนปัญหาประเทศชาติด้านอื่นๆ และปัญหาของประชาชน
รอรัฐบาลจริงไปก่อน!!
วงค์ ตาวัน