เป็นอันล้มพับไปอย่างรวดเร็ว สำหรับแนวคิดดึงตำรวจจีนมาร่วมลาดตระเวนกับตำรวจไทย เพื่อสร้างความมั่นใจดึงดูดนักท่องเที่ยวจากแดนมังกรให้เข้ามาจับจ่ายใช้สอยในบ้านเรา โดยผู้ว่าการการท่องเที่ยว น.ส.ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ต้องออกมาแก้ข่าว ว่าสื่อสารผิดพลาด และย้ำว่าไม่มีโครงการดังกล่าวอีกแล้ว
เพราะโดนวิจารณ์จนหูอื้อ!!
ขนาดพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ยังส่งเสียงค้าน ในประเด็นอธิปไตยของไทย และยืนยันว่าตำรวจไทยมีประสิทธิภาพเพียงพอในการดูแลนักท่องเที่ยวจีน
ขณะที่นายชัย วัชรงค์ โฆษกรัฐบาล ชี้แจงว่า เป็นแค่ความร่วมมือกับตำรวจจีน ในด้านการสนับสนุนข้อมูลกับตำรวจไทย เพื่อปราบปรามกลุ่มจีนสีเทา
ลงเอยก็คงเป็นแค่การประสานข้อมูลอาชญากร คนจีนที่หนีคดีหนีหมายจับเข้ามาฝังตัวในบ้านเรา!
แต่อันที่จริง ตำรวจจีนไปร่วมลาดตระเวนกับตำรวจประเทศต่างๆ นั้นมีอยู่จริง ในหลายประเทศ
เพราะคนจีนเดินทางท่องเที่ยวมากมายไปทั่วโลก และคนจีนอพยพไปทำมาหากินในหลายประเทศเช่นกัน
เคยมีความร่วมมือที่อิตาลี
Advertisement
โดยตำรวจจีนไปร่วมกับตำรวจมะกะโรนีออกตรวจจริง เพราะจีนไปเที่ยวไปช็อปที่อิตาลีกันมาก ไปทำมาหากินก็มาก
เป็นความร่วมมือเพื่อดูแลนักท่องเที่ยวและป้องกันอาชญากรแดนมังกรที่หนีคดีไป
สุดท้ายอิตาลียกเลิกโครงการนี้ โดยสำนักข่าวต่างประเทศระบุว่า เพราะแอบสงสัยว่ามีตำรวจลับไปร่วมทำงานเพื่อจัดการกับคนที่คิดต่างกับปักกิ่งอะไรทำนองนั้น!?
สำหรับไทยเรา คงไม่ถึงขั้นมีโปลิศจีนมาร่วมลาดตระเวนอีกแล้ว คงแค่ประสานข้อมูลกัน
จุดสำคัญคือทำอย่างไรก็ได้ ให้ทัวร์จีนสบายใจ พร้อมจะแห่มาเที่ยวไทย นำรายได้ให้กับผู้ประกอบการธุรกิจในบ้านเรา
เพราะตอนนี้เศรษฐกิจที่คิดว่าจะฟื้นหลังโควิดเริ่มซา กลับไม่เป็นเช่นนั้น
สงครามรัสเซีย และสงครามอิสราเอล เป็นตัวฉุดเศรษฐกิจไปทั้งโลก
จีนเองก็กระทบ คนเลยออกท่องเที่ยวต่างแดนไม่คึกคักนัก
นี่แหละเป็นเหตุให้รัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน ต้องงัดหลายมาตรการออกมากระตุ้นเศรษฐกิจไทยที่ตกต่ำมานาน
ทั้งดึงนักลงทุนรายใหญ่ทั่วโลก เปิดประตูการค้า เร่งปลุกการท่องเที่ยว
แน่นอนถ้าไม่ใช่นักเศรษฐศาสตร์บนหอคอย แต่เป็นเศรษฐศาสตร์ริมถนนคนหาเช้ากินค่ำ จะรู้ดีว่ายังฝืดเคือง
ก็เลยเฝ้ารอดิจิทัลวอลเล็ตที่คนไทยจะมีเงินไว้จับจ่าย ทำให้เศรษฐกิจสะพัด
โครงการที่มีผลต่อคน 50 ล้านคน แต่ยังต้องรอผ่านด่านกฤษฎีกาและรัฐสภา รวมทั้งคนที่มองอีกมุมต่อต้านสุดขีด!!
วงค์ ตาวัน