บรรยากาศการท่องเที่ยวในวันลอยกระทง คงเห็นกันว่ามีสนุกสนานกันพอสมควร แต่ไม่ใช่คึกคักกันสุดขีด เพราะภาพรวมเศรษฐกิจยังไม่ดีนัก นักท่องเที่ยวต่างชาติที่นายกฯ เศรษฐา ทวีสิน ใช้มาตรการวีซ่าฟรีจูงใจ มากันมากมายพอสมควร แต่ก็ยังไม่อึกทึกในระดับกรุ๊ปทัวร์
ปัญหาใหญ่คงเป็นสงคราม 2 สมรภูมิ อิสราเอลกับฮามาส และรัสเซียกับยูเครน ทำให้เศรษฐกิจซึมกันไปทั่วโลก
ตอนที่ตั้งรัฐบาลและนายกฯ ในเดือนสิงหาคม-กันยายน ได้นักธุรกิจใหญ่ที่ประสบความสำเร็จมาเป็นผู้นำรัฐบาล
ผู้ประกอบการธุรกิจการค้า โล่งอกโล่งใจ แถมเป็นพรรคเพื่อไทย ที่ได้ชื่อเรื่องปลุกเศรษฐกิจ
แต่พอปะทุสงครามที่ฉนวนกาซ่า คนในแวดวงเศรษฐกิจล้วนตาค้าง อย่างนี้การค้าชะงัก นักท่องเที่ยวต่างชาติก็คงไม่ครึกโครม
จึงไม่น่าแปลกใจที่ทั้งเจ้าสัวใหญ่ ยันพ่อค้าแม่ค้ารายย่อย ยิ่งต้องหวังในดิจิทัลวอลเล็ต แจก 1 หมื่นกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอย โดยเฉพาะชุมชนในชนบท!
ในมุมมองของคนที่ไม่เห็นด้วยกับการแจกเงิน 1 หมื่น จะเห็นว่าไม่ได้กระตุ้นเศรษฐกิจได้มากพอ และขัดวินัยการเงินการคลัง
ในมุมมองของคนที่ไม่อยากให้นโยบายนี้สำเร็จจนเป็นสัญลักษณ์ของนายกฯ เศรษฐา ก็ต้องปลุกกระแสค้านทุกทาง
Advertisement
แต่ในมุมมองของคนทำธุรกิจการค้า ตระหนักดีว่าเงินฝืดมากๆ ดิจิทัล 1 หมื่นนี่แหละเป็นความหวัง
ระดับเจ้าสัวธนินท์ เจียรวนนท์ ยังออกมาประกาศเชียร์
ไม่ต้องพูดถึงร้านค้ารายย่อย แม้แต่รถพุ่มพวง ที่จะวิ่งไปถึงทุกหมู่บ้านในชนบท ก็เฝ้ารอคอย!!
เศรษฐกิจไม่ฟื้นจริงหรือไม่
รัฐบาลเศรษฐายืนยันว่า การเติบโตเศรษฐกิจไทยในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา อัตราจีดีพีเฉลี่ยของไทยอยู่ที่ 1.8% เทียบกับเพื่อนบ้าน ชี้ชัดว่าไทยอยู่ในภาวะวิกฤต
ล่าสุดสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เพิ่งแถลงตัวเลขจีดีพีในไตรมาส 3 ปีนี้ โตเพียง 1.5%
นายกฯ เศรษฐายิ่งเน้นย้ำว่า ดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท ยิ่งต้องแจก!
ในมุมของฝ่ายคัดค้านต่อต้าน โจมตีว่ารัฐบาลสร้างกระแสเศรษฐกิจติดลบอย่างเกินเหตุ เพื่อเป้าหมายแจก 1 หมื่น
รัฐบาลปลุกผีเศรษฐกิจให้น่ากลัวเกินไปหรือไม่
ดูบรรยากาศในช่วงลอยกระทงก็บอกชัด
อีกเดือนเดียวก็ถึงเทศกาลปีใหม่ จะคึกคักแค่ยอดจองโรงแรมที่พัก แต่การจับจ่ายใช้สอยคึกคักด้วยไหม!?
ความจริงจะบอกได้ว่าเศรษฐกิจไทยวิกฤตหรือไม่
จะเป็นคำตอบว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจแจก 1 หมื่นของเศรษฐา จำเป็นหรือไม่!!
วงค์ ตาวัน