เหยื่อแก๊งมิจฉาชีพออนไลน์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ยังคงมีให้ เห็นกันไม่ขาดสาย ด้วยหลายสาเหตุปัจจัย หลักๆ ก็คือ แก๊งอาชญากรจะมีเทคนิคในการทำให้ตกใจกลัว ทำให้หลงเล่ห์กล ไปจนถึงทำให้เกิดความโลภ
แก๊งเหล่านี้ ไม่เกรงกลัวกฎหมาย เพราะทำมาหากินอยู่ต่างแดน มีกระบวนการบัญชีม้า หลายชั้น หลายแถว ทำให้การติดตามเส้นทางเงินของตำรวจ ต้องใช้เวลา กว่าจะสาวถึงก็โอนเงินไปถึงไหนแล้ว
เหยื่อจำนวนมากหมดเนื้อหมดตัว จนทำใจไม่ได้ หลายรายคิดสั้นฆ่าตัวตายเพราะความเครียดและสิ้นหวัง
อย่างเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา หนุ่มวัย 47 ปี ชาวละหานทราย บุรีรัมย์ ผูกคอตาย หลังจากเงินที่เก็บสะสมมาทั้งชีวิต 4 แสนบาท ถูกดูดเกลี้ยง เหลือแค่ 98 บาท
เงินที่จะเอาไว้เลี้ยงดูแม่วัยชราและส่งลูกเรียน ต้องสูญสิ้น
ลงเอยแม่วัย 76 ปี ต้องเป็นผู้จัดงานศพให้ลูกชาย อย่างเศร้าสลด!
เหยื่อรายนี้ โดนมุขเดิมๆ แก๊งคอลเซ็นเตอร์โทร.มาอ้างเป็นตำรวจ สภ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน หลอกว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดี
ให้โอนย้ายเงินในบัญชีไปตรวจสอบ ลงเอยหมดเกลี้ยง
แก๊งอาชญากรออนไลน์ ก่อกรรมทำเข็ญมากมาย ทำให้คนสูญเงินทองและเสียชีวิตไปไม่น้อย!!
เห็นทีตำรวจไซเบอร์ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กสทช. ต้องเร่งมือทำงานเพื่อหยุดยั้งมิจฉาชีพออนไลน์ ให้ได้โดยเร็ว
อย่างล่าสุด ที่จัดการกับคนที่มีซิมนับร้อยเบอร์ ไปจนถึงเบอร์ที่โทร.ออกวันละเกินร้อยครั้ง ก็เป็นอีกทางหนึ่งในการหยุดโจรไซเบอร์!
กระบวนการหยุดยั้งซิมร้อยเบอร์ เบอร์โทร.วันละร้อยครั้ง มาจากคำสั่งของนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน ที่รัฐมนตรีประเสริฐ จันทรรวงทอง และ กสทช.เด้งรับ
ขณะเดียวกัน มือไม้สำคัญของอาชญากรออนไลน์อีกประการก็คือ บรรดาผู้เปิดบัญชีม้า
จำนวนมากยอมเปิดบัญชีม้า ก็เพราะตัวเองยากจนไม่มีจะกิน จู่ๆ มีคนมาเสนอเงินให้ใช้จ่ายก็ยอม
ต้องไม่ลืมว่า ตัวการใหญ่ของแก๊งคอลเซ็นเตอร์นั้น ตำรวจสืบสาวไปถึงยาก ส่วนผู้เปิดบัญชีม้านี่แหละ โดนจับกุมดำเนินคดีก่อน!
อีกทั้งก่อนหน้านี้ มีการแก้กฎหมายเพิ่มโทษผู้เปิดบัญชีม้า
ให้มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 3 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ส่วนผู้เป็นธุระจัดหา เพื่อให้มีการซื้อขายบัญชีม้า
มีโทษจำคุกตั้งแต่ 2 ปี ถึง 5 ปี ปรับตั้งแต่ 2 แสนบาทถึง 5 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ทั้งต้องรู้ด้วยว่า อาชญากรออนไลน์ที่ร่วมเป็นส่วนหนึ่ง ดังกล่าว
ทำให้คนจำนวนมากต้องสูญเสียเงินทองที่เก็บมาทั้งชีวิต และลงเอยต้องฆ่าตัวตายไปหลายราย!!
วงค์ ตาวัน
