สงครามในพม่า ซึ่งเริ่มต้นหลังจากกองทัพนำโดย มิน อ่อง หล่าย ก่อรัฐประหารโค่นรัฐบาลพลเรือนและจับกุมอองซาน ซูจี เมื่อปี 2564 ทำให้ประชาชนลุกฮือต่อต้านประท้วงใหญ่ และจับปืนต่อสู้
รบกันยืดเยื้อมาเรื่อย จนยิ่งลุกลามหนัก เมื่อกองกำลังกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ จับมือกันต่อสู้กับกองทัพพม่า พร้อมกับข่าวที่ว่าจีนที่เคยหนุนหลัง เริ่มปล่อยมือไม่สนับสนุนรัฐบาลพม่าเต็มที่
ข่าวจากพม่าที่รายงานผ่านสื่อต่างๆ พบว่า กองทัพมิน อ่อง หล่าย ถอยร่นในหลายเมือง
แต่กองทหารพม่าก็ใช่จะพ่ายง่ายๆ เพราะเมื่อมังกรเริ่มลดการสนับสนุน มีหมีขาวเข้ามาแทนที่
รายงานของสื่อบ่งบอกว่า ทหารพม่าเริ่มใช้เครื่องบินรบรัสเซีย ใช้ฮ.ติดอาวุธของรัสเซีย รวมถึงอาวุธหนักเบาอื่นๆ
แม้กองทัพมิน อ่อง หล่าย จะเริ่มเพลี่ยงพล้ำ แต่ก็คงไม่ยอมแพ้ง่ายๆ สงครามจึงไม่ถึงจุดจบ ถ้าไม่มีการหาทางออกอย่างอื่น!!
มีคำถามว่าท่าทีของรัฐบาลไทย ต่อสถานการณ์ในพม่าเป็นเช่นไร
ประเด็นสำคัญคือ ไทยน่าจะมองสถานการณ์ในพม่าเวลานี้ได้ทะลุ เพราะมหาอำนาจทั้ง 3 เข้ามาเกี่ยวพันเต็มตัว
พลังของฝ่ายต่อต้านรัฐบาลพม่ามีเงาของสหรัฐ ขณะที่จีนเริ่มลดการสนับสนุนทหารพม่า แต่ก็ยังมีส่วน รวมทั้งรัสเซียก็ส่งอาวุธไปจนถึงน้ำมันให้กับพม่า!
ไทยจึงต้องเดินเกมให้ดี ในฐานะเพื่อนบ้านที่มีชายแดนติดกันยาวเหยียด
ถ้าสังเกตให้ดี ปลายเดือนมกราคม ตัวแทนสหรัฐและจีน บินมาไทย พบปะกับนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน จากนั้นก็เปิดเจรจากันเองระหว่างสหรัฐกับจีน ในประเทศไทย!!
โดยนายเจก ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐอเมริกา ได้เข้าเยี่ยมคารวะนายเศรษฐา ที่ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 26 มกราคม
มีการหารือกันหลายเรื่อง รวมทั้งสถานการณ์ในเมียนมา และเห็นพ้องกันว่าสันติภาพ เสถียรภาพและเอกภาพของเมียนมา มีความสำคัญต่อภูมิภาคนี้
พร้อมๆ กัน นายหวัง อี้ สมาชิกกรมการเมืองพรรคคอมมิวนิสต์จีน และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีน ก็บินมาพร้อมๆ กัน
พูดคุยกับนายกฯ เศรษฐา ลงนามเปิดวีซ่าฟรีทั้งสองชาติ
แล้วนายหวังอี้ก็เปิดหารือกับนายเจก ซัลลิแวน เป็นการเฉพาะ โดยไทยนี่แหละเป็นเวทีกลาง
มีคำแถลงตามมาว่า หารือกันในประเด็นระดับโลกและระดับภูมิภาค รวมถึงประเด็นเกี่ยวกับสงครามหลายพื้นที่ และเมียนมา
ขณะเดียวกัน ความที่ผู้นำทหารไทยกับผู้นำทหารพม่า ใกล้ชิดกันมาก
น่าจะรู้ได้หมดทั้งสถานการณ์การสู้รบที่เป็นจริง และท่าทีล่าสุดของผู้นำพม่า
ถ้าศึกษาจากหลายสงคราม หลายสนามรบ ลงเอยจบที่โต๊ะเจรจา
ต้องจับตาบทบาทไทยและทางออกสันติ!
วงค์ ตาวัน
