จังหวัดเชียงใหม่เป็นพื้นที่ข่าวใหญ่เมื่อไม่กี่วันก่อน เนื่องจากอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร เดินทางกลับมาเยี่ยมบ้านเกิดเมืองนอน แล้วมีนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน เดินทางมาทำงาน แล้วเข้าร่วมวงรับประทานอาหารด้วย
แต่อันที่จริงแล้ว นายกฯ เศรษฐาเดินทางมาเชียงใหม่ โดยมีภารกิจสำคัญคือ การตรวจสอบสถานการณ์ดับไฟป่า และการแก้ปัญหาฝุ่นพีเอ็ม 2.5!
ความที่เชียงใหม่เป็นเมืองท่องเที่ยวสำคัญ เป็นแหล่งสร้างเศรษฐกิจ ดังนั้นนายกฯ เศรษฐาจึงต้องเน้นเป็นพิเศษ
แถมสภาพเมืองเป็นแอ่งกระทะ มีภูเขาล้อมรอบ ทำให้อากาศที่เต็มไปด้วยฝุ่นละอองไม่ค่อยเคลื่อนไหว ส่งผลให้ปัญหาหนักหน่วง
จะว่าไปแล้วการแก้ปัญหาไฟป่าและฝุ่นพิษในเชียงใหม่และภาคเหนือนั้น นายกฯ เศรษฐาสั่งเริ่มทำตั้งแต่ปลายปี 2566 ต่อต้นปี 2567 แล้ว
เปิดฉากด้วยการใช้กองกำลังทหารทัพภาค 3 เข้าเก็บกวาดใบไม้แห้ง ซากพืชต่างๆ จากทุกป่า ขนขึ้นรถยีเอ็มซีไปเข้าโรงงานเพื่อนำไปใช้ประโยชน์
แต่ความที่สภาพภูมิประเทศของเชียงใหม่ ทำให้ควันและฝุ่นพีเอ็มไม่อาจคลี่คลายได้ง่ายๆ เข้าทำนองดีเป็นระยะ รุนแรงเป็นช่วงๆ
การไปแก้สถานการณ์ควันและฝุ่นล่าสุด นายกฯ เศรษฐาระดมหมด ทั้งพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จังหวัด และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
โดยนายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ แม่งานสำคัญ ได้จัดแผนแก้ปัญหาแบบครบวงจร ตั้งแต่จัดการจราจรทั่วเชียงใหม่ เพื่อลดควันรถยนต์อันเป็นต้นเหตุสำคัญของฝุ่นพีเอ็ม 2.5
ประสานกรมอุทยานฯ ป้องกันไฟป่า คุมเข้มการเผาพื้นที่เกษตร การเผาในชุมชนต่างๆ ทุกเขตเทศบาล
ทั้งออกมาตรการจับจริงคนเผาป่า ตั้งรางวัลนำจับ 10,000 บาท!!
ส่วนการเผาที่มาจากประเทศข้างเคียง ต้องแก้ระดับรัฐบาล
นายกฯ เศรษฐาจึงดึงกระทรวงการต่างประเทศมาช่วยแก้ด้วย
งานนี้ นายจักรพงษ์ แสงมณี รมช.ต่างประเทศ กำลังเร่งประสานงาน
ต้องขอความร่วมมือเรื่องการเผาป่า เผาไร่เกษตรในดินแดนเพื่อนบ้าน
รวมทั้งมีการศึกษาข้อดีข้อเสีย ว่าสมควรห้ามนำข้าวโพดจากประเทศเพื่อนบ้านช่วงฝุ่นรุนแรงด้วยหรือไม่
พูดง่ายๆ ว่า การแก้ปัญหาไฟและฝุ่นในเชียงใหม่และภาคเหนือนั้น ต้องทำกันหนักหน่วงและยาวนาน
รัฐบาลเศรษฐา เริ่มทำตั้งแต่พฤศจิกายน 2566 แล้ว
ตอนนี้รัฐบาลไทยกำลังร่วมกับหลายชาติคลี่คลายสงครามในพม่า ถ้าจบได้เร็ว จะช่วยแก้พีเอ็ม 2.5 ได้ง่ายขึ้น
ไทยคงร่วมกับพม่าหยุดไฟป่าและการเผาได้ดีขึ้น
จะช่วยลดปัญหาเชียงใหม่และภาคเหนือได้มากกว่านี้!!
วงค์ ตาวัน
