ชกไม่มีมุม - ปิดฉากบิ๊กเต้ ปิดตำนาน“สุไม่เอาให้เต้”

อดีตนายทหารใหญ่ที่โด่งดัง พล.อ.อ.เกษตร โรจนนิล หรือบิ๊กเต้ อดีตผู้บัญชาการทหารอากาศและอดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้ถึงแก่อนิจกรรมด้วยโรคชรา ในวัย 91 ปี ท่ามกลางความอาลัยของคนที่รู้จักมักคุ้น

การรูดม่านปิดฉากของบิ๊กเต้ นำมาสู่การพลิกย้อนตำนานในยุคที่กลุ่มนายทหารรหัส 0143 ที่มีจปร.5 เป็นแกนหลัก มีบทบาทอย่างสูงในกองทัพและในทางการเมือง

โดย 01 เป็นปีที่จบการศึกษา 4 หมายถึงพรั่งพร้อมกันทั้ง 4 เหล่าทัพ และ 3 คือ โรงเรียนนายร้อย 3 เหล่า

บทบาทที่อยู่ในประวัติศาสตร์การเมืองไทย คือ การก่อรัฐประหาร 23 กุมภาพันธ์ 2534 ล้มรัฐบาลชาติชาย ชุณหะวัณ

หลังยึดอำนาจได้เสร็จสิ้นสมบูรณ์แบบ เกิดกรณีพล.อ.สุจินดา คราประยูร ผบ.ทบ. ผู้นำการรัฐประหารตัวจริง แสดงท่าทีไม่ขอรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เนื่องจากได้กล่าวเอาไว้ในวันที่ยึดอำนาจว่า ตนเองจะไม่เป็นนายกฯ

จนนำมาสู่วลีสำคัญ “ถ้าสุไม่เอาก็ให้เต้”

เป็นคำกล่าวของพล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ ซึ่งได้รับเชิญมาเป็นหัวหน้าคณะปฏิวัติ

หมายถึงถ้าหากพล.อ.สุจินดาไม่รับตำแหน่งจริงๆ ก็ให้พล.อ.อ.เกษตรเป็นนายกฯ ก็ได้

ทำเอาโดนวิพากษ์วิจารณ์ไปทั่วว่า ยกตำแหน่งกันง่ายๆ อย่างนี้หรือ!?

อย่างไรก็ตาม สุดท้ายพล.อ.สุจินดา ก็ตัดสินใจเสียสัตย์เพื่อชาติ รับตำแหน่งนายกฯ จนนำมาสู่การประท้วงต่อต้านการเสียสัตย์ของบิ๊กสุ

จนบานปลายกลายเป็นพฤษภาทมิฬ 2535

หลังจากเหตุการณ์ลุกฮือของประชาชน ทำให้คณะนายทหารชุดนี้ต้องยุติบทบาท พ้นจากตำแหน่งต่างๆ

ปิดฉากยุคจปร.5 และ 0143

ทั้งบิ๊กสุและบิ๊กเต้ ไปจนถึงบิ๊กต่างๆ กลับบ้านไปใช้ชีวิตสงบ ไม่มีข่าวคราวปรากฏอีกเลย

ผ่านอีกกว่า 30 ปี นายทหารรุ่นดังกล่าวพากันเข้าสู่วัยชรา

ขณะบิ๊กเต้ก็เพิ่งมาปรากฏเป็นข่าวการถึงแก่อนิจกรรม

ทิ้งตำนานในยุคที่กำลังมีอำนาจเอาไว้มากมาย

โดยเฉพาะบทเรียนจากการก่อรัฐประหาร

ควรที่นายทหารรุ่นหลังจะได้เรียนรู้ ว่ามีด้านที่อันตรายเช่นไร!?!

วันนี้สังคมเปลี่ยนไปมาก การตื่นตัวทางการเมืองของประชาชนเป็นไปอย่างกว้างขวาง

กองทัพยุคปัจจุบัน กองทัพยุคใหม่ ต้องก้าวไปตามการเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ!!

วงค์ ตาวัน