กระแสวิพากษ์วิจารณ์ท่าทีของอุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่มีต่อธนาคาร แห่งประเทศไทยอย่างร้อนแรง ซึ่งเชื่อมโยงไปถึงท่าทีของนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน กับผู้ว่าฯ แบงก์ชาติที่มีมาตลอด
ในมุมมองของนักเศรษฐศาสตร์บางส่วน บรรดาชนชั้นสูง คู่ขัดแย้งรัฐบาล ต้องปกป้องผู้ว่าฯ แบงก์ชาติและความเป็นอิสระของธนาคารแห่งประเทศไทย
แต่ในมุมมองของนักธุรกิจทั่วไป ประชาชนวงกว้าง จะมองไปอีกแบบ!!
ดูจากเรื่องล่าสุดเมื่อไม่นานมานี้ ก็คือคำร้องขอจากนายกฯ เศรษฐาต่อผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ ขอให้มีนโยบายลดดอกเบี้ย เพราะเงินเฟ้อติดลบมานาน เพื่อช่วยเหลือคนทำธุรกิจการค้าต่างๆ
แต่หลังจากนั้น คณะกรรมการนโยบายการเงินหรือกนง. ที่มีผู้ว่าฯ แบงก์ชาติเป็นประธาน มีมติไม่ลดดอกเบี้ย
จนกระทั่งนายกฯ เศรษฐา ต้องไปหารือกับสมาคมธนาคารไทย ผลก็คือธนาคารพาณิชย์หลายแห่ง ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อยลง 0.25%
เป็นการลดดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์ โดยไม่ได้มาจากมติของกนง.
ทั้งที่โดยปกติ กนง.จะต้องมีสัญญาณออกมาก่อน แล้วธนาคารพาณิชย์จะปฏิบัติตาม
แต่เอาเป็นว่า ผลจากการที่นายกฯ ไปหารือกับสมาคมธนาคารไทย ได้นำมาสู่การลดดอกเบี้ยให้กลุ่มเปราะบางทั้งลูกค้าบุคคลและเอสเอ็มอี
เป็นความร่วมมือระหว่างรัฐบาลกับธนาคารพาณิชย์ทั้งหลาย
ทำให้ประชาชนได้หายใจหายคอคล่องขึ้น ไม่ถูกอัตราดอกเบี้ยบีบจนหมดลมหายใจไม่ออก ท่ามกลางการดิ้นรนในสภาวะเศรษฐกิจอันฝืดเคือง!!
เรื่องลดดอกเบี้ยดังกล่าว ถามว่าประชาชนจะรู้สึกอย่างไร
ถามว่าประชาชนได้ประโยชน์จากนโยบายของใคร ระหว่างนายกฯ เศรษฐากับมติของกนง.
ถัดมาอีกเรื่องที่คนทำมาค้าขายและประชาชนทั่วไปจับจ้องมาตลอด
คือโครงการดิจิทัลวอลเล็ตของรัฐบาลเศรษฐา ที่เต็มไปด้วยความขลุกขลัก มากด้วยด่านสกัด!?
โดยเฉพาะความคิดเห็นข้อท้วงติงของผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ ของป.ป.ช.
แต่สุดท้ายรัฐบาลเศรษฐา ก็ค่อยๆ คลี่คลาย ผ่านด่านสกัดไปทีละขั้นทีละตอน จนน่าจะแน่นอนแล้วว่า ประชาชนจะได้รับแจกดิจิทัลวอลเล็ต ในช่วงไตรมาส 4
นโยบายแจกเงิน 1 หมื่นบาทผ่านดิจิทัลวอลเล็ต เป็นเรื่องง่ายๆ ที่ประชาชนจับต้องได้และจะได้ประโยชน์แน่นอน
ทั้งกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ทั้งกระจายเม็ดเงินลงไปยังพื้นที่ทั่วประเทศ ใช้จ่ายในเขตอำเภอตามบัตรประชาชน
ในสายตาชาวบ้าน มองเห็นว่าใครทำอะไร
ในระหว่างกัดฟันรอลุ้นให้รัฐบาลผ่านด่านสกัดของคนบนหอคอยงาช้าง เพื่อการกระจายเงินสู่ประชาชน!!
วงค์ ตาวัน
