ไซยาไนด์ กำลังเป็นยาพิษที่โด่งดัง เนื่องมาจากคดี 6 ศพชาวเวียดนาม ในโรงแรมหรูกลางกรุง ซึ่งชัดเจนแล้วว่า เป็นการฆ่าหมู่ด้วยการใช้ยาพิษผสมในน้ำชา โดยพยานหลักฐานชี้ว่า น.ส.เชอรีน ชอง คนที่เปิดห้องพัก 502 เป็นคนก่อเหตุ ด้วยปัญหาหนี้สินจำนวนหลายล้าน
เปิดห้องหรู มีโซนรับแขก เพื่อลวงเหยื่อให้มาร่วมวงข้าว และล้อมวงจิบน้ำชามรณะ จนตายหมู่ รวมทั้งตัวผู้ก่อเหตุเองก็ตายไปด้วย
ตอนนี้ตำรวจกำลังเร่งติดตามที่มาของไซยาไนด์ที่ใช้ในการฆาตกรรมคดีนี้ ว่าซื้อหาจากที่ไหน
ถ้าย้อนดูเรื่องราวการฆาตกรรมในประวัติศาสตร์โลก มาจนถึงการฆ่ากันในยุคปัจจุบัน วิธีการวางยาพิษเป็นที่นิยมใช้กันมาตลอด
ที่เคยอ่านเจอกันบ่อยๆ ไม่ว่าจะเป็น สารหนู, สตริกนิน มาจนถึงไซยาไนด์ จะคุ้นเคยกันดี
สำหรับสังคมไทยวันนี้ กำลังตื่นตัวในไซยาไนด์ เพราะเอาเข้าจริงๆ เป็นภัยที่อยู่ใกล้ตัวเราทุกคน!?
ไซยาไนด์มีอยู่ในยาฆ่าแมลงต่างๆ ไปจนถึงเป็นน้ำยาในอุตสาหกรรมต่างๆ
รวมทั้งอยู่ในเมล็ดของผลไม้บางประเภท เช่น แอปเปิ้ล พีช ลูกแพร์ ซึ่งควรกินแต่เนื้อผลไม้ อย่าไปเผลอเคี้ยวเม็ด รวมทั้งในมันสำปะหลังดิบ ซึ่งควรกินแบบสุก ไปจนถึง หน่อไม้ต้องทำให้สุกก่อน
ประเด็นยาฆ่าแมลง ถือเป็นเรื่องใกล้ตัว เพราะใช้กันมากตามบ้านเรือน รวมไปถึงฆ่าแมลงในพืชผักต่างๆ!
เพราะฉะนั้น การใช้ยาฆ่าแมลงจึงต้องระมัดระวัง อย่าสูดดม หรืออย่าทำให้ปนเปื้อนอาหาร
พืชผักต่างๆ ต้องล้างให้สะอาด และเป็นไปได้อย่าทานดิบ!!
ล่าสุด รัฐบาลโดยกระทรวงยุติธรรม ได้ออกมาเตือนประชาชนว่า
ไซยาไนด์จัดเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 ตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย ห้ามผลิต นำเข้า ส่งออก หรือมีไว้ในครอบครอง โดยมิได้รับอนุญาต
ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
จากเหตุสยอง 6 ศพ จึงต้องนำมาย้ำเตือนกันว่า การมีไซยาไนด์โดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษถึงติดคุก!
ไปจนถึงให้ระมัดระวังว่า ไซยาไนด์มีอยู่ในสิ่งใกล้ตัวเราทุกคนหลายอย่าง หลายประเภท อย่าได้ประมาท
การรับสารไซยาไนด์เข้าไปในร่างกาย หากปริมาณมากพอ ก็ถึงแก่ชีวิตได้ง่ายๆ
โดนเข้าไปมากๆ เพียงแค่ไม่กี่นาทีก็สิ้นลมหายใจได้
ดังนั้นต้องเตือนว่าเป็นสารอันตราย การครอบครองเอาไว้มีโทษตามกฎหมาย รวมทั้งเป็นภัยใกล้ตัวที่ต้องระมัดระวัง
แถมต้องเตือนด้วยว่า การไปดื่มน้ำชากาแฟกับคนที่มีปัญหาขัดแย้งรุนแรง
ต้องใช้วิจารณญาณให้มาก ก่อนจะดื่มก่อนจะจิบ!!
วงค์ ตาวัน
