ยังดีที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ยังไม่น่าจะมีอะไรร้อนแรง ไม่มีการขยายความขัดแย้งจากเหตุการณ์ที่ปราสาทตาเมือนธม จ.สุรินทร์ หลังมีคณะสตรีข้ามแดนเข้ามากราบสักการะแล้วเข้าแถวร้องเพลงภาษาถิ่น จนทหารไทยต้องเข้าไปห้ามปราม นำมาสู่การปะทะคารมกับทหารเขมร
ด้วยความที่ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาค 2 รีบเข้ามาคลี่คลาย
โดยทำหนังสือประท้วงไปยังผู้บังคับบัญชาทหารกัมพูชา เพราะพฤติกรรมของคณะชาวกัมพูชา ผิดกฎระเบียบที่กำหนดเอาไว้ เตือนเพื่อไม่ให้เกิดเหตุอีก
แต่พร้อมๆ กันก็ทำความเข้าใจร่วมกัน โดยฝ่ายกัมพูชาก็ยอมรับและขอโทษ
ด้วยหลักคิดของแม่ทัพที่ว่า ใช้การพูดคุยเจรจา ไม่จำเป็นต้องใช้อาวุธ เพราะมีบทเรียนมาแล้วว่า หากเกิดความรุนแรง จะมีผลกระทบต่อประชาชน
ทั้งด้านการค้าขาย และการใช้ชีวิตสงบสุข!
ความจริงแล้ว โดยตัวเหตุการณ์ ก็ไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่โตอะไรนัก สามารถตักเตือนเพื่อไม่ให้กระทำอีก
เรื่องราวเพียงแค่นี้ ไม่ควรนำไปสู่ความขัดแย้งรุนแรง ทำให้ชายแดนตึงเครียดโดยไม่จำเป็น
อีกทั้งการจัดการปัญหาของเจ้าหน้าที่ทหารทำได้ทันท่วงที ห้ามการยืนร้องเพลงบริเวณหน้าปราสาทแล้วถ่ายคลิป เพื่อไม่ให้นำไปใช้ประโยชน์อย่างอื่น!?!
กรณีชายแดนไทย-กัมพูชา เมื่อใช้การพูดคุยทำความเข้าใจก็คงจบลงได้ด้วยดี
แต่มีอีกกรณีที่น่าห่วงใย เหตุเกิดที่อำเภอปาย แม่ฮ่องสอน เมืองท่องเที่ยวธรรมชาติที่โด่งดัง มีปมประเด็นคล้ายๆ กัน!
โดยมีการจุดกระแสในโซเชี่ยลว่า ชาวอิสราเอลแห่กันไปอยู่ที่เมืองปายจนล้น เริ่มสร้างชุมชนของตนเอง เปิดโบสถ์สำหรับชาวยิวขึ้นมา
ห้ามไม่ให้คนไทยเข้าไปยุ่งเกี่ยว
วิพากษ์วิจารณ์กันว่า ชาวยิวจะยึดเมืองปายแล้ว เดินสูบกัญชา จอดรถราไม่เกรงใจใคร!?
อย่างไรก็ตาม มีการแจกแจงตัวเลขคนอิสราเอลที่เข้ามาท่องเที่ยวในปายว่ามีราว 4 พันคนเศษ ซึ่งยังมีอีกหลายชาติที่เข้ามาปักหลักท่องเที่ยวอีกจำนวนมาก
ที่เขาชอบเมืองปาย เพราะยังมีสภาพธรรมชาติที่ดี ค่าใช้จ่ายไม่แพง
ขณะเดียวกันนักธุรกิจการค้า ออกมาวิงวอนว่า อย่าปั่นกระแสกันจนเข้าใจผิด เพราะคนอิสราเอลก็เหมือนทุกชาติ คือ มีคนบางส่วนพฤติกรรมไม่ดี ต้องแยกแยะ
ส่วนไหนผิดก็จัดการตามกฎหมาย
ยืนยันว่า นี่คือ นักท่องเที่ยวที่สร้างรายได้ทางเศรษฐกิจ!
ฟังความทุกฝ่ายแล้วก็คงต้องบอกว่า ต้องมองปัญหาอย่างรอบด้านจริงๆ
อย่าใช้ทัศนคติชาตินิยม กลัวไทยจะเสียแผ่นดินปายอะไรขนาดนั้น มันจะยุ่งเหยิงเกินเหตุ!?!
วงค์ ตาวัน