มีคำให้สัมภาษณ์ของนายทักษิณ ชินวัตร ที่เปิดเผยถึงการพบปะกับนายเนวิน ชิดชอบ พร้อมทั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล โดยยอมรับว่า มีการพูดคุยถึงการทำคดีฮั้วสว.ของกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในการพบกันที่บ้านจันทร์ส่องหล้าด้วย
โดยนายทักษิณอธิบายว่า กระบวนการมันเริ่มไปแล้ว ต้องเป็นไปตามกระบวนการ ไม่มีใครสามารถไปบิดเบี้ยวหรือไปหยุดกระบวนการได้!
นั่นก็แปลว่า ในการสนทนากันดังกล่าว มีข้อสรุปว่า คดีนี้ต้องเดินหน้าต่อไปตามกระบวนการ ไม่มีใครหยุดได้
ตรงกับปรากฏการณ์ที่เป็นจริง เมื่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้รับไฟเขียวจากคณะกรรมการคดีพิเศษ มีมติให้คดีฮั้วสว.ในฐานความผิดฟอกเงินเป็นคดีพิเศษ
ทั้งนี้การพบปะกันระหว่างทักษิณกับเนวินและอนุทินนั้น เกิดขึ้นในวันที่ 2 มีนาคม
ต่อมากคพ. นัดประชุมในวันที่ 6 มีนาคม และมีมติดังกล่าว ท่ามกลางข้อวิพากษ์วิจารณ์ว่าการพบปะกันที่บ้านจันทร์ส่องหล้านั้น คงจะฮั้วคดีฮั้วสว.แล้ว!?
ความที่มติของกคพ.นั้น ให้รับคดีฮั้วสว.ในข้อหาฟอกเงินเป็นคดีพิเศษ เนื่องจากเป็นฐานความผิดที่อยู่ในอำนาจของอธิบดีดีเอสไออยู่แล้ว
จึงเป็นเรื่องง่ายที่จะมีมติให้เป็นคดีพิเศษ โดยใช้เสียงข้างมาก ไม่ต้องถึง 2 ใน 3
เป็นเทคนิคให้การอนุมัติเป็นคดีพิเศษง่ายดายขึ้น!!
แต่คนคิดมาก ก็พากันตีความว่า ทำได้แค่คดีฟอกเงิน เพราะทักษิณกับเนวินและอนุทินพบกันแล้ว ฮั้วกันแล้ว อะไรทำนองนั้น
โดยไม่เข้าใจข้อกฎหมายที่กำหนดว่า เมื่อดีเอสไอได้ไฟเขียวทำคดีฮั้วสว.ในความผิดฟอกเงินแล้ว เมื่อพบว่าเข้าข่ายอั้งยี่ เข้าข่ายความผิดม.116 ก็สามารถทำต่อไปได้ทันที ไม่ต้องขออนุมัติเป็นคดีพิเศษอีก!
ขนาดดีเอสไอออกใบแถลงข่าว ยืนยันประเด็นนี้
ก็ยังคิดมาก เอาการเมืองมาปะปนจนอลหม่าน
ดังนั้นล่าสุดที่นายทักษิณออกมาอธิบายเองถึงการพบกับเนวินและอนุทิน
ยืนยันว่า บทสรุปของการสนทนาคือ ไม่มีใครหยุดคดีนี้ได้แล้ว!
เมื่อดีเอสไอเดินหน้า เริ่มจากฟอกเงิน แล้วจะขยายต่อไปถึงอั้งยี่และความผิดด้านความมั่นคง
ปฏิกิริยาจากฝ่ายสว.ก็คือ ฮือกันเข้ายื่นร้องต่อป.ป.ช.ให้เอาผิด บอร์ดกคพ. รัฐมนตรียุติธรรม พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง และพ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีดีเอสไอ
ทำเอาประชาชนคนดูวิจารณ์กันลั่นว่า ทำไมสว.ไม่สงบนิ่ง?!*
ถ้ามีความมั่นใจว่า การเลือกมานั้นถูกต้อง ไม่เป็นไปตามข้อกล่าวหา
ต้องพร้อมให้ดีเอสไอทำคดี เพื่อพิสูจน์ตัวเอง แล้วผลคดีจะยิ่งทำให้สง่างามมากกว่า
แต่กลับตอบโต้อย่างเดือดดาล จนเสียกิริยาอาการ!!
วงค์ ตาวัน