เหตุการณ์รัฐบาลไทยส่งกลับชาวอุยกูร์ไปยังประเทศจีน ซึ่งเป็นต้นทาง ทำให้เกิดประเด็นถกเถียงกันมากมาย พร้อมๆ กับทำให้คนไทยได้เรียนรู้เรื่องของชาวอุยกูร์ในจีนไปพร้อมๆ กัน
ในสาธารณรัฐประชาชนจีน มีเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ ซึ่งเป็นเขตปกครองที่ใหญ่ที่สุด
เป็นเขตปกครองตนเองที่มีชาวอุยกูร์ เป็นประชากรส่วนใหญ่
คำว่าเขตปกครองตนเอง เป็นหลักรัฐศาสตร์ ที่รัฐบาลกลางยอมรับในความละเอียดอ่อนของบางพื้นที่ และยอมให้มีการปกครองที่สอดรับกับอัตลักษณ์ของคนในพื้นที่นั้น
ซินเจียงก็เช่นดียวกัน รัฐบาลจีนประกาศให้เป็นเขตปกครองตนเอง เพื่อเปิดกว้างให้กับการดำรงอยู่ของคนในพื้นที่
มีวัฒนธรรม ศาสนา ที่เป็นของตนเอง!!
ในยุคหนึ่ง มีขบวนการต่อสู้ของชาวอุยกูร์ ต่อต้านการปกครองจากรัฐบาลจีน จนนำมาสู่สถานการณ์รุนแรง
ทั้งการปกครองของรัฐบาลจีนเองที่เข้มงวดสุดโต่ง ทั้งการต่อต้านจากคนในพื้นที่ ทำให้เกิดความขัดแย้งอย่างมากมาย
จนมีการเปรียบเทียบ สถานการณ์ในซินเจียง กับสถานการณ์ใน 3 จังหวัดใต้ของไทยเรา ว่ามีบางอย่างที่ใกล้เคียงกัน!
การปกครองจากรัฐบาลกลาง ที่ปะทะกับคนในพื้นที่ซึ่งเป็นชาวมุสลิม
นำมาสู่การเกิดขบวนการต่อต้านและต่อสู้ด้วยความรุนแรง!!
เมื่อปี 2558 เกิดเหตุระเบิดที่ศาลพระพรหมเอราวัณ แยกราชประสงค์ มีคนตายคนเจ็บมากมาย
ต่อมาจับกุมผู้ก่อเหตุได้ เป็นชาวอุยกูร์ เชื่อว่าลงมือเพราะไทยส่งกลับชาวอุยกูร์ไปยังประเทศจีน
สถานการณ์เมื่อ 10 ปีก่อน ปัญหาในซินเจียงยังดุเดือดเลือดพล่าน และชาวอุยกูร์ก็ตอบโต้การที่ไทยส่งกลับไปยังจีน ด้วยการก่อวินาศกรรม
เหมือนกับ 3 จังหวัดใต้ของเรา ที่ไฟยังโชน ยังมีการก่อความไม่สงบต่อเนื่อง
แต่วันนี้สถานการณ์ในซินเจียงเปลี่ยนแปลงไปแล้ว บ้านเมืองเจริญ พร้อมๆ กับการก่อการร้ายในพื้นที่ลดลงไปมาก
น่าเชื่อว่ามาจากนโยบายของจีน ที่ใช้การเมืองนำการทหาร ใช้งานมวลชนมาทำให้คนอุยกูร์เริ่มไม่ขัดแย้งกับรัฐบาลจีน
ส่วน 3 จังหวัดใต้ไทย จะมีนโยบายที่เหนือชั้นทางการเมืองได้หรือไม่ เพื่อดึงมวลชนและโดดเดี่ยวบีอาร์เอ็น เช่นเดียวกัน ขบวนการก่อความไม่สงบ ถ้าก่อเหตุรุนแรงจนกระทบชีวิตชาวบ้าน ก็จะเริ่มเสียมวลชนไปเรื่อยๆ
ใครชิงมวลชนได้มากก็จะได้รับชัยชนะในที่สุด!!
สงครามความคิดอุดมการณ์ ไม่ได้ชี้ขาดที่ศักยภาพการใช้อาวุธ แต่ชี้ขาดที่งานมวลชน
จากซินเจียงในจีน ถึง 3 จังหวัดใต้ของไทย เปรียบเทียบเรียนรู้ได้เป็นอย่างดี!
วงค์ ตาวัน