เป็นที่จับตากันมาตลอดว่า แก๊งมิจฉาชีพออนไลน์ที่โดนมาตรการยาแรงของรัฐบาล ตัดไฟฟ้า ตัดน้ำมัน ตัดอินเตอร์เน็ต จนทำให้ฐานใหญ่ที่เมียวดีแตกกระเจิง จากนั้นรัฐบาลก็หันมากดดันฝั่งปอยเปตต่อ ด้วยการตัดสัญญาณเน็ต ล้มเสาสัญญาณ ซึ่งเริ่มได้ผลเป็นลำดับ
แต่ก็คาดว่า แก๊งโจรไซเบอร์จะต้องดิ้นรนหาหนทางใหม่ เพื่อหลอกลวงต้มตุ๋นต่อไป!?
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อไม่สามารถใช้อินเตอร์เน็ตจากฝั่งไทยได้ จะต้องพลิกแพลงไปใช้เน็ตจากดาวเทียม ทำนองนั้น
ด้วยเหตุนี้เอง เมื่อวันก่อน เราได้เห็นพล.ต.อ.ณัฐธร เพราะสุนทร กสทช.ด้านกฎหมาย เดินทางไปตรวจเยี่ยมสถานีดาวเทียมสิรินธร ที่อุบลราชธานี ซึ่งเพิ่งก่อสร้างใหม่เอี่ยม เป็นการร่วมทุนของบริษัทเอกชนระดับโลกกับบมจ.โทรคมนาคมแห่งชาติ (NT)
ใช้เทคโนโลยีล่าสุด เพื่อรองรับการรับส่งสัญญาณผ่านโครงข่ายดาวเทียมวงโคจรต่ำ OneWeb ครอบคลุมทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียตะวันออก
พล.ต.อ.ณัฐธร ก็เลยต้องไปศึกษาเทคโนโลยีใหม่นี้ เพื่อวางแผนป้องกัน เพราะเชื่อว่าแก๊งคอลฯ จะต้องพัฒนาตัวเองรับเทคโนโลยีใหม่นี้ด้วย!
ก่อนหน้านี้ มีการตรวจพบความเคลื่อนไหวของแก๊งโจรออนไลน์ในแนวทางนี้บ้างแล้ว
อีกทั้งกสทช. อาจจะต้องปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย เพื่อสามารถกำกับดูแลเทคโนโลยีใหม่นี้
ให้ใช้เพื่อประโยชน์ต่อคนส่วนใหญ่ในทางสุจริต พร้อมกับป้องกันกลุ่มอาชญากรออนไลน์นำไปใช้ในทางเลวร้าย!!
เป็นเรื่องที่ดี เมื่อหน่วยงานที่รับผิดชอบ เร่งศึกษาหาทางป้องกันไว้ล่วงหน้า
เมื่อเราตัดอินเตอร์เน็ต ฝ่ายอาชญากรก็ต้องหันไปพึ่งเทคโนโลยีดาวเทียม เราต้องตามให้ทัน!
ในเวลาไล่เลี่ยกัน หน่วยเฉพาะกิจราชมนูของทหาร ร่วมกับตำรวจแม่สอด ตั้งด่านตรวจสกัด
พบรถกระบะเดินทางจาก จ.ตาก ไปยัง อ.แม่สอด โดยมีคนสัญชาติจีน เป็นผู้ขับขี่
ตรวจค้นภายในรถ พบตัวรับสัญญาณดาวเทียมสตาร์ลิงก์ จำนวน 38 ลัง!
ให้การว่า รับของกลางเหล่านี้มาจากเชียงใหม่ เพื่อนำไปส่งที่อ.แม่สอด จ.ตาก แล้วจะมีคนมารับต่อไปอีกทอด
สันนิษฐานได้ว่า เตรียมลักลอบส่งไปยังฝั่งเมียนมา เพื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ยังเก็บตัวในเมียวดี
ชัดเจนว่าเตรียมหันมาพึ่งอินเตอร์เน็ตผ่านดาวเทียมสตาร์ลิงก์นั่นเอง
เตรียมฟื้นคืนชีพอีก
นี่คือทิศทางการดิ้นรนของขบวนการมิจฉาชีพไซเบอร์
เมื่อรัฐบาลไทยจัดการด้วยมาตรการตัดอินเตอร์เน็ตแล้ว จากนี้ก็คงต้องป้องกันอินเตอร์เน็ตผ่านดาวเทียม
ไม่ให้เป็นเครื่องมือของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้คืนชีพอีก!
วงค์ ตาวัน