บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด

ส่งออกติดลบหนัก

วงล้อเศรษฐกิจ – มูลค่าการส่งออกสินค้าของไทยในเดือนม.ค. 2562 อยู่ที่ 18,993.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ติดลบ 5.65% YoY หดตัวมากกว่าที่คาด และนับว่าเป็นการหดตัวสูงสุดในรอบ 30 เดือน (ตั้งแต่เดือนก.ค. 2559 เป็นต้นมา)

โดยเป็นผลของหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนและเศรษฐกิจสหภาพยุโรป ที่มาจากการอ่อนแรงของอุปสงค์ภายในประเทศ ซึ่งทำให้การส่งออกสินค้าไทยไปยังสองตลาดนี้หดตัวที่ (-)16.7% และ (-)3.7% ตามลำดับ

การหดตัวเป็นเดือนที่ 3 ของการส่งออกสินค้าไทย สอดคล้องกับการส่งออกสินค้าของประเทศต่างๆ ในภูมิภาคที่หดตัวค่อนข้างมากในเดือนม.ค. 2562 ไม่ว่าจะเป็นการส่งออกสินค้าของญี่ปุ่น (หดตัว 8.4%) สิงคโปร์ (หดตัว 10.1%) และเกาหลีใต้ (หดตัว 5.8%) จากผลกระทบของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน ที่ประกอบกับการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจจีน

คาดว่า การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ผลกระทบของสงครามการค้า และแนวโน้มราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ยังอยู่ ในระดับต่ำ จะยังเป็นปัจจัยกดดันมูลค่าการส่งออกสินค้าไทยในช่วงไตรมาสที่ 1/2562

แต่ยังคงประมาณการอัตราการขยายตัวของการส่งออกสินค้าไทยในปี 2562 ไว้ที่ 4.5% (กรอบประมาณการที่ 2.0-6.0%) โดยมองว่า ทิศทางการส่งออกสินค้าไทยในช่วงไตรมาสแรก จะหดตัวในช่วง (-) 8.0% ถึง (-) 4.0% หรือคิดเป็นมูลค่าเฉลี่ยต่อเดือนประมาณ 19,300-20,100 ล้านดอลลาร์ จากปัจจัยฐานในปี 2561 ที่สูงผิดปกติเมื่อเทียบกับช่วงไตรมาสแรกของปีอื่นๆ ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ดี มองว่า การส่งออกสินค้าไทยจะค่อยๆ ปรับตัวดีขึ้นในช่วง 3 ไตรมาสหลังของปี 2562 ส่วนหนึ่งเป็นเพราะสถานการณ์ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน มีสัญญาณที่ดีขึ้นมากกว่าที่ประเมินไว้ในช่วงก่อนหน้า

กล่าวคือ สหรัฐคงจะยืดระยะเวลาการปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีนจาก 10% เป็น 25% ในวันที่ 1 มี.ค. 2562 ออกไปอีกสักระยะจนกว่าการเจรจาทางการค้าระหว่างสองประเทศจะเสร็จสิ้น ซึ่งก็น่าจะทำให้ผลกระทบเรื่องสงครามการค้าบรรเทาลงกว่าที่ประเมินไว้

แต่ยังต้องติดตามภาวะการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนและเศรษฐกิจสหภาพยุโรป รวมถึงประเด็นเรื่องแนวโน้มราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ยังอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งน่าจะเป็นปัจจัยที่ส่งผลในระยะยาวต่อการส่งออกสินค้าไทย

อ่านข่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน