สงครามการค้าปะทุ : วงล้อเศรษฐกิจ

สงครามการค้าปะทุ – รัฐบาลสหรัฐขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีนมูลค่า 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ จากเดิมที่อัตรา 10% ตั้งแต่เดือน ก.ย.2561 เพิ่มขึ้นเป็น 25% เริ่มตั้งแต่วันที่ 10 พ.ค.2562 เนื่องมาจากการเจรจาข้อตกลงระหว่างสหรัฐและจีนไม่มีความคืบหน้าเท่าที่ควร

ทำให้ต่อมาทางการจีนประกาศขึ้นภาษีนำเข้า สินค้าสหรัฐ มูลค่า 6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ จากเดิมที่อัตรา 5-10% เพิ่มเป็น 5-25% โดยมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มิ.ย.นี้ เพื่อตอบโต้มาตรการทางภาษีของสหรัฐ

ซึ่งค่อนข้างสร้างความประหลาดใจให้กับตลาดการเงินโลกถึงการปะทุขึ้นอีกครั้งของสงครามการค้าสหรัฐ-จีน ซึ่งก่อนหน้าเพียงไม่กี่สัปดาห์มีแนวโน้มที่ทั้งสองฝ่ายกำลังจะได้ข้อตกลงทางการค้า

นอกจากนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ขู่ว่าสหรัฐยังสามารถ เรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนในอัตรา 25% จากสินค้านำเข้าจากจีน ส่วนที่เหลืออีกราว 3 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐได้ในระยะต่อไป

สงครามการค้าที่กลับมาปะทุส่งผลลบต่อภาคการส่งออกไทยทางตรง ผ่านห่วงโซ่อุปทานการค้าไทยจีนและทางอ้อมผ่านภาวะการค้าโลกที่ชะลอตัว หากเศรษฐกิจจีนและคู่ค้าชะลอลงมากกว่าที่คาด

ภาคการส่งออกไทยจะได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าผ่าน 2 ช่องทางนี้ ได้แก่

1.ผลกระทบโดยตรงจากการเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่อุปทาน กับจีนในการผลิตสินค้าจีนเพื่อส่งออกไปยังสหรัฐ โดยหมวดสินค้าที่มีห่วงโซ่อุปทานกับจีนสูง ได้แก่ คอมพิวเตอร์-อุปกรณ์และส่วนประกอบ, แผงวงจรไฟฟ้า, ไม้และผลิตภัณฑ์จากไม้ และเคมีภัณฑ์ ซึ่งตั้งแต่เริ่มต้นมาตรการกีดกันทางการค้า ในเดือนส.ค.2561-มี.ค.2562 การส่งออกไทยไปจีนในหมวด ดังกล่าวหดตัว 23.6% 30.6% 36.1% และ 75.9% ตามลำดับ และหากสงครามการค้ายืดเยื้อต่อเนื่อง ก็อาจจะไม่เห็นสัญญาณการฟื้นตัวจากหมวดสินค้าดังกล่าว

และ 2. ผลกระทบผ่านการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนและคู่ค้าจากการชะลอของการบริโภคภายในของประเทศคู่ค้า เป็นผลให้การชะลอตัวของการส่งออกไทยมีทิศทางกระจายตัวมากขึ้น

หากสหรัฐและจีนยังไม่มีความคืบหน้าในข้อตกลงในระยะเวลาอันใกล้ และเศรษฐกิจโลกในช่วงครึ่งหลังของปีฟื้นตัวน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ จะส่งผลให้ตัวเลขมูลค่าการเติบโตของการส่งออกไทยในรูปดอลลาร์สหรัฐอาจมีความเสี่ยงต่ำกว่าที่อีไอซีประเมินไว้ที่ 2.7% ในปี 2562

โดย EIC ธนาคารไทยพาณิชย์

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน