วงล้อเศรษฐกิจ

ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีเอ็มบี หรือ TMB Analytics

การส่งออกไทยฟื้นตัวต่อเนื่องจากไตรมาส 4 ปี 2559 โดยในครึ่งปีแรกของปี 2560 ขยายตัวได้ถึง 7.8% มากสุดในรอบ 6 ปีคิดเป็นมูลค่าการส่งออก 113,547 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2559 และเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัว

สำหรับการส่งออกไทยในครึ่งปีหลัง คาดว่ามีแนวโน้มเติบโตในอัตราที่ชะลอตัวลงจากครึ่งปีแรก โดยจะขยายตัวได้ประมาณ 3.5-4.0% ด้วยผลของฐานสูงในช่วงครึ่งหลังของปี 2559

ซึ่งอัตราการขยายตัวดังกล่าว เป็นผลมาจากความต้องการของประเทศคู่ค้าที่มีทิศทางขยายตัวต่อเนื่องเป็นหลัก นำโดยประเทศในภูมิภาคเอเชีย ได้แก่ กลุ่มอาเซียน CLMV จีน และญี่ปุ่น

ทั้งนี้ สินค้าส่งออกที่คาดว่าจะขยายตัวได้แข็งแกร่ง ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ยางพารา เคมีภัณฑ์ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์/คอมพิวเตอร์ และอาหาร ทำให้การส่งออกไทยทั้งปีจะขยายตัวได้ถึง 5.5-6.0%

อย่างไรก็ตาม ช่วงครึ่งปีหลังประเด็นสำคัญที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด คือ ความผันผวนของค่าเงินบาท ซึ่งเป็นผลมาจาก 1.ภาวะเศรษฐกิจไทยที่มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก 2.ความเสี่ยงการเมืองและความผิดหวังในการดำเนินนโยบายการคลังของสหรัฐ

และ 3.ธนาคารกลางยุโรป (ECB) อาจมีประกาศลดขนาดวงเงินเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลในเดือนก.ย. 2560 ก่อนที่นโยบายผ่อนคลายทางการเงินปัจจุบันจะสิ้นสุดในเดือนธ.ค.ปีนี้

จึงเป็นที่น่าสนใจว่าธุรกิจประเภทใดของไทยมีแนวโน้มจะได้รับผลกระทบจากความผันผวนของค่าเงินบาท

ประเมินผลกระทบความผันผวนของค่าเงินผ่านการวิเคราะห์โครงสร้างธุรกิจ พบว่ากลุ่มที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบน้อย เป็นกลุ่มธุรกิจที่มีทั้งการส่งออกและการนำเข้า (Hybrid) ได้แก่ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์/คอมพิวเตอร์ ยานยนต์ ส่วนประกอบ เครื่องใช้ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ เคมีภัณฑ์ และเครื่องจักรกล

ในขณะที่กลุ่มธุรกิจที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุด คือ กลุ่มธุรกิจที่ส่งออกเป็นหลักซึ่งได้แก่ อาหาร ยางพารา เกษตร (น้ำตาล ข้าว) และกลุ่มธุรกิจที่นำเข้าเป็นหลัก ซึ่งได้แก่ ผลิตภัณฑ์ยา/เครื่องสำอาง อาหารสัตว์ และอุปกรณ์ไอที/เทคโนโลยี เพราะมีธุรกรรมการค้าเพียงขาเดียว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน