บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด

จากมติคณะรัฐมนตรี วันที่ 7 พ.ย. 2560 เห็นชอบให้มีการใช้มาตรการ ?ช็อปช่วยชาติ? ตั้งแต่ วันที่ 11 พ.ย.-3 ธ.ค. 2560 เป็นวงเงิน 15,000 บาท ระยะเวลารวม 23 วัน

โดยสามารถนำมาลดหย่อนภาษีประจำปี 2560 ได้นั้นมองว่า น่าจะช่วยสร้างบรรยากาศในการจับจ่ายใช้สอยให้กับธุรกิจค้าปลีกได้เพิ่มขึ้นกว่าช่วงปกติ และน่าจะเป็นโอกาสของธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องต่างๆ จากที่ก่อนหน้านี้ ธุรกิจค้าปลีกยังคงเผชิญกับปัจจัยกดดันทางด้านกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ยังคงไม่ฟื้นตัวอย่างชัดเจน

ทั้งนี้ จากการสำรวจของศูนย์วิจัยกสิกรไทย พบว่ามาตรการช็อปช่วยชาติ 15,000 บาท ปีนี้ จะมีผลต่อพฤติกรรมการใช้จ่าย ของผู้บริโภคที่แตกต่างกัน โดยมีรายละเอียด ที่สำคัญ ดังนี้

จากผลสำรวจพบว่า มาตรการช็อป ช่วยชาติ ปี 2560 คนที่มีฐานรายได้สุทธิมากกว่า 500,000 บาทต่อปีขึ้นไป ยังคงวางแผนใช้สิทธิใกล้เคียงกับปีที่แล้ว โดยเฉพาะคนที่มีฐานรายได้สุทธิ 2 ล้านบาทขึ้นไป วางแผนที่จะใช้สิทธิเต็มจำนวน

แต่คนที่มีฐานรายได้สุทธิไม่เกิน 500,000 บาทต่อปี วางแผนที่จะใช้สิทธิลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากยังคงกังวลกำลังซื้อในอนาคต และโดยปกติก็เสียภาษีในอัตราที่ไม่สูงมาก จึงยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้จ่ายเพื่อนำมาลดหย่อนภาษีเพิ่ม

คาดว่าแรงส่งของมาตรการช็อปช่วยชาติปีนี้ น่าจะกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายในธุรกิจค้าปลีกใกล้เคียงกับที่ภาครัฐได้ประเมินไว้ที่ประมาณ 10,000 ล้านบาท แต่จากการสำรวจพบว่ากว่า 40% ของผู้ที่จะใช้สิทธิจากมาตรการดังกล่าว มีแผนที่จะใช้จ่ายอยู่แล้วในช่วงเทศกาลปีใหม่

เพียงแต่อาจวางแผนเลื่อนวันในการ ซื้อสินค้าให้เร็วขึ้นในช่วงที่ออกมาตรการ เพื่อต้องการใช้สิทธิในการลดหย่อนภาษี

มองว่าปีนี้ผู้ประกอบการค้าปลีกควรเตรียมพร้อม ทั้งในเรื่องของสต๊อกสินค้า การจัดการเรื่องของใบกำกับภาษี และเร่งทำกิจกรรมส่งเสริมการขายให้เร็วขึ้นกว่า ปีก่อน

และส่งผลให้คาดว่า บรรยากาศโดยรวมในการจับจ่ายใช้สอยในช่วงปลายปีนี้ น่าจะดีขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว จากการกระตุ้น การใช้จ่ายโดยผู้ประกอบการร้านค้าปลีกต่างๆ 2 รอบ คือ ช่วงมาตรการช็อปช่วยชาติและช่วงเทศกาลปีใหม่ ซึ่งต่างจาก ปีก่อนที่อยู่ในช่วงเวลาเดียวกัน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน