แฟ้มคดี

 

กลายเป็นมหากาพย์ไปเสียแล้ว สำหรับกรณี “หญิงไก่” อดีตพยานปากเอกคดีปลอมเครื่องราชฯ เมื่อ 30 ปีก่อน

จนวันนี้กลายเป็นผู้ต้องหาคดี 112 จากการแอบอ้างสถาบันเบื้องสูง

นอกจากนี้ ยังถูกดำเนินคดีอีก 2 ข้อหาหนัก คือค้ามนุษย์ที่ติดต่อเด็กสาวไปทำงานต่างประเทศ

กับอีกเรื่องคือแจ้งความเท็จที่ส่อว่าจะกลั่นแกล้งอดีตลูกจ้าง หาว่าลักทรัพย์กว่า 10 ล้านบาท

ตามมาด้วยการรื้อสำนวน ซึ่งพบว่ามีการแจ้งความแบบเดียวกันถึง 9 คดีในพื้นที่สน.ประชาชื่น ที่เกือบทั้งหมดมีความเห็นสั่งฟ้อง

ส่งผลให้มีการตรวจสอบว่ามีพนักงานสอบสวนเข้าไปพัวพันด้วยหรือไม่

คนขับรถหญิงไก่

 

รวมทั้งยังมีคำร้องว่ามีทั้งข้าราชการ ตำรวจ ทหาร อีกหลายคนเข้าไปให้ความช่วยเหลือ “หญิงไก่”

จนเกิดการสอบสวนตามล้างตามเช็ดกันขนานใหญ่

คดี”หญิงไก่”ลาม 16 ตร.

หลังการเข้าร้องเรียนและแจ้งความดำเนินคดีกลับจากกลุ่มลูกจ้างของ “หญิงไก่” หรือ นางมณตา หยกรัตนกาญ การตรวจสอบสำนวนคดีทั้งหมดก็เกิดขึ้น

จนพบว่าตั้งแต่ปี 2553 มีถึง 9 คดีที่อยู่ในความรับผิดชอบของสน.ประชาชื่น

ซึ่งทั้ง 9 คดีประกอบด้วย คดีที่ 1 เมื่อปี 2553 แจ้งความดำเนินคดี น.ส.จันทนา คชคงไทย หรือหนูนา อายุ 25 ปี ข้อหาลักทรัพย์นายจ้าง คดีที่ 2 เมื่อวันที่ 22 เม.ย. 2554 กล่าวโทษน.ส.กาบแก้ว ทำมา สัญชาติลาว

คดีที่ 3 เมื่อวันที่ 18 ธ.ค.2557 กล่าวโทษนายเส็ง สัญชาติกัมพูชา ทั้งสองรายในข้อหายักยอกทรัพย์ คดีที่ 4 เมื่อวันที่ 18 ธ.ค. 2557 กล่าวโทษนายแคระ สัญชาติกัมพูชา ข้อหายักยอกทรัพย์ คดีที่ 5 เมื่อวันที่ 18 ธ.ค.2557 กล่าวโทษน.ส.ฟ้า สัญชาติกัมพูชา ข้อหาลักทรัพย์

คดีที่ 6 เมื่อวันที่ 20 มี.ค.2558 กล่าวโทษน.ส.ประภาวรรณ ใจกล้า หรือน้องก้อย และครอบครัว ในข้อหาลักทรัพย์ คดีที่ 7 วันที่ 4 ธ.ค.2558 กล่าวโทษนางสุกัลยา ศิริม่วง ข้อหาลักทรัพย์ คดีที่ 8 วันที่ 27 ธ.ค.2558 กล่าวโทษน.ส.กีรนา (ไม่ทราบนามสกุล) ในข้อหาฉ้อโกงเงินกว่า 2 ล้านบาท ต่อมาได้ถอนแจ้งความ

และคดีที่ 9 วันที่ 4 ม.ค. 2559 กล่าวโทษ พ.อ.โยธิน อัควเวศ ในข้อหาทำให้เสียทรัพย์

โดย พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รรท.ผบช.น. มีคำสั่งบช.น.ที่ 174/2559 แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยให้พล.ต.ต.จารุวัฒน์ ไวศยะ รอง ผบช.น. เป็นหัวหน้าคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง พล.ต.ต.เจริญ ศรีศศลักษณ์ ผบก.น.2 เป็น รองหัวหน้า พร้อมคณะกรรมการรวม 17 นาย

นอกจากนี้ นายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ทนายความของผู้เสียหาย ยังเตรียมยื่นเรื่องต่อปปท. และป.ป.ช. ให้ตรวจสอบข้าราชการทั้งทหาร ตำรวจ และพลเรือน ว่ามีส่วนเอื้อประโยชน์ให้หญิงไก่ด้วย หรือไม่

ต่อมา เมื่อวันที่ 14 ก.ค. พล.ต.ต.จารุวัฒน์ หัวหน้าคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ก็ระบุว่า จากการตรวจสอบตำรวจทั้งหมด 16 นาย ผลการตรวจสอบพบมีความผิดทั้งหมด

 

น้องเศรษฐินีอุดรฯ / รองผบช.น.แถลงผลสอบ

แบ่งเป็น 1.พนักงานสอบสวน 7 นาย มีความผิดไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง 419 ป.วิอาญา มาตรา 131 และพ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 คือไม่ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่

2.หัวหน้างานสอบสวน 3 นาย 3.ผกก.สน. 4 นาย และ 4.รอง ผบก. 2 นาย มีความผิดไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง ตร.ที่ 419 และพ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 คือไม่ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่

พร้อมรายงานให้ รรท.ผบช.น. ตั้งกรรมการสอบสวน และหากพบว่าอยู่ในตำแหน่งแล้วก่อให้เกิดความเสียหาย หรือสามารถเปลี่ยนแปลงพยานหลักฐาน

ก็จะต้องย้ายออกจากพื้นที่

ญาติเศรษฐินีอุดรฯโวยตุ๋น

 

นอกจากนี้ นางมณตา หรือหญิงไก่ ยัง ถูกร้องเรียนว่าเข้าไปพัวพันกับกรณีบุคคลสูญหายอย่างน้อย 2 กรณี

โดยรายแรกคือ นายสุนทร ขันหิน หรือ โก้ อายุ 38 ปี ชาวจ.ลพบุรี ซึ่งเป็นอดีตคนขับรถของหญิงไก่ ที่ได้รับความไว้วางใจมาก ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด และสนิทสนมขนาดหญิงไก่นำชื่อนายโก้เข้าไปอยู่ในทะเบียนบ้านด้วย

แต่ต่อมาถูกคัดชื่อออกเมื่อวันที่ 19 มี.ค. 2555 จากนั้นก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย กระทั่งบุพการีเสียชีวิตก็ไม่มางานศพ บ้านที่ลพบุรีก็ถูกปล่อยทิ้งร้าง ไม่มีคนอยู่ บัตรประชาชนขาด ไม่ได้ต่ออายุแล้วถึง 1 ปี

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบก็พบว่า นายโก้ยังมีชีวิตอยู่ โดยไปอาศัยอยู่ที่วัดนังคัลจันตรี เลขที่ 32/1 หมู่ 5 ถนนลำลูกกา ต.บึงคำพร้อย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี โดยทำหน้าที่เป็นคนขับรถให้กับพระครูพิทักษ์ธัญญสาร เจ้าอาวาส

จนกระทั่งเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน เมื่อมีข่าวหญิงไก่ และนายโก้รู้ว่าเกี่ยวข้อง ก็มาบอกลากับเจ้าอาวาส เพราะไม่อยากให้วัดเดือดร้อนไปด้วยแล้วก็ออกจากวัดไป

อย่างไรก็ตาม เมื่อปรากฏเป็นข่าว นายโก้ก็เดินทางเข้าพบพล.ต.ท.ศานิตย์ เพื่อชี้แจงความสัมพันธ์กับหญิงไก่ โดยระบุว่า มาทำงานกับหญิงไก่แค่ปีเศษๆ ส่วนที่หายไป ไม่ได้เกี่ยวกับการถูกอุ้ม แต่ลาออกเพราะ ถูกด่าเนื่องจากมีเจ้าหนี้มาทวงค่างวดจยย.

อีกกรณีคือกรณีของ นางฉวีวรรณ ตั้งวิริยะกุล เศรษฐินี ชาวอุดรฯ ที่เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งตับ เมื่อวันที่ 2 ธ.ค. 2546 โดยมีนาง มณตาเป็นผู้แจ้งการตาย และจัดพิธีเผาในวันรุ่งขึ้นทันที และยังพบว่ามีการโอนที่ดินมูลค่า 8 ล้านบาท ให้ไปอยู่ในชื่อนางมณตานั้น

นางโฉมศรี ประจันตเสน อายุ 75 ปี น้องสาวนางฉวีวรรณ ยอมรับว่า ก่อนหน้านี้หญิงไก่ไปมาหาสู่บ่อยครั้ง มีรถตำรวจนำทางมาด้วย บางทีอ้างเป็นคุณหญิงคุณนาย มีญาณวิเศษ เคยเอาตู้เซฟของแม่ไปจากบ้าน อ้างเป็นค่ารักษาตัวพี่สาว แต่เพียงวันเดียวก็นำกลับมาคืน แต่ทรัพย์สินบางส่วนหายไป อาทิ สร้อยคอทองคำ ที่กลายเป็นของปลอมใส่มาคืน

ครั้งหลังสุดคือวันที่ 26 พ.ย. 2546 หญิงไก่และลูกน้องมาพาพี่สาวออกไปจากบ้าน ระบุจะพาไปรักษา ต่อมาวันที่ 2 ธ.ค. 2546 หญิงไก่โทรศัพท์มาบอกกับน้องชายว่าเสียชีวิตแล้ว และเผาศพเรียบร้อย

อยากให้ตำรวจคลี่คลายคดีเพื่อนำทรัพย์สินของครอบครัวกลับคืนมา

เปิดหลักฐานเอาผิดคดี ม.112
ส่วนคดีที่ทำให้หญิงไก่ต้องถูกควบคุมตัวในเรือนจำตั้งแต่วันที่ 7 ก.ค.ที่ผ่านมา ก็คือความผิดตามมาตรา 112 ฐานหมิ่นเบื้องสูงนั้น
โดยหลักฐานเด็ดของฝ่ายสืบสวนในข้อหา 112 นั้นได้จากพยานปากสำคัญ ที่มอบหลักฐานเชื่อมโยงพฤติกรรมหมิ่นสถาบัน โดยมักอ้างกับคนใกล้ชิดว่าสนิทสนมกับ เจ้านายในสถาบันเบื้องสูง

และเคยกระทำผิด 3 กรรม ในช่วงปี 2555, 2556 และ 2558

โดย ปี 2555 อ้างตัวกับแม่บ้านที่มีบริษัทจัดหางานย่านรามอินทราส่งมาให้ ว่าสนิทสนมกับเจ้านายชั้นผู้ใหญ่ อีกทั้งให้เรียก คุณหญิง และต้องหมอบคลานเข่าเข้าหาตลอด

ปี 2556 อ้างกับหุ้นส่วนที่ทำธุรกิจใบ้หวย แอบอ้างสถาบัน อวดอุตริว่ามีญาณวิเศษบอกเลขเด็ด แต่ต้องมีค่าใช้จ่าย แถมตอนวันเปิดบริษัท อ้างมีเจ้านายชั้นสูงมาร่วมงาน ให้ตำรวจเตรียมพื้นที่ต้อนรับ แต่สุดท้ายก็ไม่มา และในปี 2558 ก็แอบอ้างเบื้องสูง ให้คนเรียกเป็นคุณหญิง

นอกจากนี้ ยังพบว่าหญิงไก่มักเดินทางไปหาลูกจ้างที่เป็นเด็กชาวเขา โดยที่ จ.แม่ฮ่องสอน ก็มีผู้เสียหายจำนวน 6 ราย ซึ่งนอกจาก บก.ปคม.จะลงพื้นที่ตรวจสอบคดีค้ามนุษย์แล้ว ยังทราบว่าเวลาที่หญิงไก่เดินทางไปจะอ้างเบื้องสูง และทุกคนต้องหมอบกราบ คลานเข่าเข้าหาเช่นกัน

ต่อมาวันที่ 15 ก.ค. เจ้าหน้าที่จึงยื่นคำร้องฝากขังครั้งที่ 2 โดยใช้การฝากขังผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ เนื่องจากจำเป็นต้องสอบสวนหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม และหาหลักฐานอื่นๆ มาประกอบสำนวน ขณะที่ทนายความของหญิงไก่ยื่นคำร้องคัดค้าน

อย่างไรก็ตามศาลพิจารณาคำร้องอนุญาตให้ฝากขังต่อไป

นอกจากนี้ พนักงานสอบสวนเตรียมขออนุมัติหมายจับในคดีค้ามนุษย์ หลังสอบสวนพบว่า นางมณตามีการบังคับใช้แรงงานหรือบริการเกี่ยวกับเด็กและเยาวชน หากสอบปากคำพยานดังกล่าวเสร็จสิ้นก็จะขออนุมัติหมายจับทันที

เป็นคดีที่ 2 ที่กำลังจะถูกออกหมายจับ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน