สุพล บุญชื่นชม-จักรพันธ์ นาทันริ – เรื่อง/ภาพ

ที่ผ่านมาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยการนำของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. เน้นย้ำนโยบายคุมเข้มเรื่องเด็ก-เยาวชนและยาเสพติดในสถานบันเทิงและสถานบริการ จะต้องไม่มีอย่างเด็ดขาด

จึงไม่เป็นที่แปลกใจเมื่อกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น มีคำสั่งเด้ง 4 เสือโรงพักเมืองขอนแก่น ให้มาช่วยราชการระหว่างถูกตั้งกรรมการสอบสวนเอาผิดทางวินัย ภายหลังชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง (ชปพ.ปค.) บุกจับผับชื่อบ้านกรู ก่อนจะพบเยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปี เข้าไปใช้บริการถึง 146 คน

ตีสอง วันที่ 12 พ.ค. นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ ผอ.ส่วนกำกับสืบสวนและปราบปราม สำนักการสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย นำกำลังชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง (ชปพ.ปค.) สนธิกำลังร่วมเจ้าหน้าที่กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ภายใต้ศูนย์อำนวยการประสานกำกับติดตามผลการดำเนินงาน ตามคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 22/2558 (ศอ.กต.) เข้าตรวจสอบผับบ้านกรู บนถนนหน้าเมือง ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น

เบื้องต้นพบนักเที่ยวกำลังดื่มกินกันอย่างสนุกสนานจำนวน 160 คน ตรวจบัตรประชาชน พบมีอายุต่ำกว่า 20 ปี รวม 146 คน ในจำนวนนี้ มีอายุเพียง 14 ปี ถึง 3 คน ชุดเฉพาะกิจตรวจปัสสาวะนักเที่ยว พบว่ามีปัสสาวะสีม่วง 14 ราย นอกจากนี้ยังคุมตัวเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของร้าน 3 คน ทุกคนพกพาอาวุธปืนขนาด 9 ม.ม. สภาพพร้อมใช้งาน โดยมีนายวสันต์ แพงพิศาล แสดงตัวเป็นผู้ดูแลร้าน

เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อหา รวม 5 ข้อหา ได้แก่ 1.ตั้งสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต 2.ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้กับผู้มีอายุต่ำกว่า 20 ปี 3.จำหน่ายสุราเกินเวลาที่กฎหมายกำหนด 4.จำหน่ายสุราให้กับเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี 5.ยุยง ส่งเสริมให้เด็กประพฤติตนไม่สมควร พร้อมควบคุมตัวการ์ดของร้านทั้ง 3 คน ไปดำเนินคดี ในความผิดตามพ.ร.บ.อาวุธปืนฯ

นายรณรงค์เปิดเผยว่า สืบเนื่องจาก เจ้าหน้าที่ได้รับการแจ้งเบาะแสว่า ผับบ้านกรู ได้มีการฝ่าฝืนคำสั่งของหัวหน้า คสช. ที่ 22/2558 หลายข้อ ทั้งการปล่อยให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี เข้าไปใช้บริการเป็นประจำ จนเป็นที่รู้กันทั่วไป นอกจากนี้ยังมีการขายสุราให้กับเด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี ขายเหล้า เกินเวลา และเปิดสถานบริการจนถึงตี 4 ตี 5 เกือบทุกวัน

ก่อนหน้านี้ผับบ้านกรูเคยตกเป็นข่าว เรื่องการ์ดของผับถูกร้องเรียนว่ารุมทำร้ายร่างกายเด็กชายอายุ 15 ปี จนได้รับบาดเจ็บสาหัส ชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง จึงส่ง เจ้าหน้าที่แฝงตัวเป็นสายเข้าสืบสวนหาข่าว จนพบว่าทำผิดกฎหมายและฝ่าฝืนคำสั่งของหัวหน้าคสช.หลายข้อ จนนำมาสู่การวางแผนจับกุมดังกล่าว จากนี้เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง จะรายงานให้ผวจ.ขอนแก่น สั่งปิดตามคำสั่งหัวหน้า คสช. มีกำหนด 5 ปี ต่อไป

ขณะที่นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผวจ.ขอนแก่น กล่าวว่า ในทางปฏิบัติสถานบันเทิงแห่งนี้ต้องปิดทันทีหลังการตรวจพบว่ามีความผิดในหลายๆ กรณี โดยไม่ต้องรอหนังสือจากหน่วยงานราชการ

วันเดียวกัน พล.ต.ต.ธนาศักดิ์ ฤทธิเดชไพบูลย์ รอง ผบช.ภ.4 ในฐานะโฆษกตำรวจภูธรภาค 4 กล่าวว่า ยังไม่ได้รับรายงานจาก เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองขอนแก่น ที่ดูแลพื้นที่ในเขตเทศบาลนครขอนแก่น แต่เบื้องต้นพบว่า ในเดือนที่ผ่านมา ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง ร่วมกันเข้าจับกุมสถานบันเทิงดังกล่าว ในข้อหาจัดตั้งสถานบริการโดยไม่มีใบอนุญาต

แต่ไม่ทราบว่าทำไมยังสามารถเปิดให้บริการได้อยู่ ดังนั้นเมื่อครั้งนี้ มีเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานส่วนกลางมาตรวจพื้นที่แล้วพบความผิดมากมายเช่นนี้ เจ้าของพื้นที่ต้องรับผิดชอบ

แล้วก็เป็นไปตามคาด โดยเมื่อวันที่ 16 พ.ค. พล.ต.ต.ธนาศักดิ์ เปิดเผยว่า จากกรณีจับผับบ้านกรู กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น มีคำสั่งให้ พ.ต.อ.จำลอง สุวลักษณ์ ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น พ.ต.ท.ภูสยาม ลารังสิต รองผกก.ปป. พ.ต.ท.สุรัตน์ วันทะมาตร สวป. และพ.ต.ท.วิษณุ จันทร์พล สว.สส. มาช่วยราชการที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น

โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 15 พ.ค.2561 เป็นเวลา 30 วัน จนกว่าการสอบสวนข้อเท็จจริงจะแล้วเสร็จ ส่วนพ.ต.ท. เอกลักษณ์ บุญแสงเจริญ รอง ผกก.(สส.) สภ.เมืองขอนแก่น นั้นอยู่ระหว่างการเข้าอบรม ผกก. จึงไม่มีชื่อในคำสั่งย้ายครั้งนี้

รอง ผบช.ภ.4 กล่าวต่ออีกว่า สำหรับสถาน บันเทิงบ้านกรูนั้น ตั้งอยู่ใจกลางเมืองขอนแก่น ซึ่งในเดือนที่ผ่านมากำลังผสมร่วม ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง ได้เข้าจับกุมสถานบันเทิงแห่งนี้แล้ว ในข้อหาจัดตั้งสถานบริการโดยไม่มีใบอนุญาต แต่ยังเปิดให้บริการอยู่

ดังนั้นเมื่อมีเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานส่วนกลางมาตรวจพื้นที่แล้วพบความผิดมากมายเช่นนี้ เจ้าของพื้นที่ต้องรับผิดชอบ เพราะถือว่าปล่อยปละละเลยไม่สนองนโยบายรัฐบาลและคสช. ไม่สนองนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่เน้นย้ำในที่ประชุมทั้งในทุกระดับ ทุกโรงพักจะต้องคุมเข้มเรื่องเด็ก-เยาวชนและยาเสพติดในสถานบันเทิง และสถานบริการอย่างเด็ดขาด

กรณีนี้ตรวจพบเยาวชนร้อยกว่าคน และยังคงพบสารเสพติด ในปัสสาวะของนักท่องเที่ยวด้วย ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 จึงสั่งตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงดังกล่าวทั้งหมด ซึ่งจะทราบ ผลการสอบสวนภายใน 30 วัน

คราวนี้อย่าให้เข้าอีหรอบเดิม อาศัยช่องโหว่ของกฎหมาย จับวันนี้อีกสองวันเปลี่ยนชื่อเปิดใหม่ วนๆ กันไปอีกหล่ะ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน