ชาญพงศ์ บุญอุทิศ – เรื่อง/ภาพ

นอกจากยิ้มสยามอันลือลั่นไปทั่วโลกแล้ว ยังมีภาษิตที่บ่งบอกอุปนิสัยของชาวขวานทองซึ่งไม่เคยปฏิเสธคนต่างชาติ ต่างภาษา ต่างเผ่าพันธุ์ ที่ว่า ‘ธรรมเนียมไทยแท้แต่โบราณ ใครถึงเรือนชานต้องต้อนรับ’

ทำให้ผู้คนทั่วโลกหลั่งไหลมาสัมผัสดินแดนสุวรรณภูมิผืนนี้ และเมื่อได้มาเยือนต่างก็ลุ่มหลงในธรรม ชาติอันงดงาม และนิสัยของชาวบ้านส่วนใหญ่ที่คุยง่าย ยิ้มง่าย ทำให้หลายคนมุ่งหวังใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างมีความสุข

ในความง่ายๆ ของเรา ที่ไม่เคย มองใครด้วยสายตาหวาดระแวงสงสัย ทำให้มีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่สบช่องที่จะประกอบอาชีพทำมาหากิน จึงพยายามทุกวิถีทางจะได้โอกาสพำนักถาวร ในประเทศไทยเพื่อกอบโกยผลประโยชน์เข้าตัวเอง

ช่วงสายวันที่ 23 พ.ค. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท. แถลงจับกุมชาวอินเดีย ซึ่งเคยใช้ทะเบียนสมรสที่ได้มาโดยมิชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด จำนวน 3 ราย

ประกอบด้วย 1.นายประภาคาร ซิงห์ 2.นายริเทศ กุมาร 3.นายมานชีต มาลลาห์

และผู้ที่ถูกเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร จำนวน 5 ราย คือ 1.นายสุรัช ประกาศ 2.นายราชู ศรมา 3.นายไศเลศ กุมาร ทริปาธี 4.นายวิเชนทรา นิศาด 5.นายพาชัน นิศาด รวมทั้งสิ้น 8 ราย

สืบเนื่องจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รับการร้องเรียนจากหญิงไทยหลายราย ที่พบว่าตนเองมีรายชื่อ จดทะเบียนสมรสกับชาวอินเดีย โดยที่ไม่เคยจดทะเบียนสมรสมาก่อน และไม่รู้จักชาวอินเดียที่มีชื่ออยู่ในทะเบียนสมรสแต่อย่างใด จึงสั่งการให้ชุดสืบสวน บช.ทท. และชุดสืบสวน สตม. ประสานกับ อ.วังม่วง จ.สระบุรี ตรวจสอบพบว่า มีปลัด อ.วังม่วง จ.สระบุรี 2 ราย และเจ้าพนักงานทะเบียน 1 ราย ร่วมทุจริตนำรายชื่อไปทำเอกสารเท็จ

ขณะเดียวกันยังประสานข้อมูลกับร.ต.ท.อาทิตย์ บุญญะโสภัต อธิบดีกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย กระทั่งทราบว่า เจ้าหน้าที่ของกรมการปกครอง ตรวจสอบพบความผิดปกติในกรณีดังกล่าว คือมีการจดทะเบียนสมรสอำพราง ตั้งแต่ ปี 2558 ขณะนั้นได้สั่งการให้ทางจังหวัดตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง

กระทั่งพบว่าเจ้าหน้าที่ของเรากระทำผิดจริง จึงได้มีการลงโทษทางวินัยคือไล่ออก และส่งเรื่องต่อให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เพื่อดำเนินการเอาผิดทางอาญาด้วย

เมื่อเกิดกรณีดังกล่าวขึ้นกรมการปกครองจึงทำหนังสือแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ และสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง(ตม.) เพื่อให้เฝ้าระวัง

ทั้งนี้เข้าใจว่าเรื่องมาแดงอีกครั้ง เมื่อมีชาวอินเดียมาต่อวีซ่าที่ ตม.จว.นครราชสีมา และทาง ตม.ได้ตรวจสอบประวัติและข้อมูลย้อนกลับ จนพบว่าอยู่ในข่ายที่ปลอมแปลงเอกสาร ซึ่งหลังจากนี้ก็คงเป็นเรื่องของทาง เจ้าหน้าที่ตำรวจและตม.ที่จะดำเนินคดีกับชาวอินเดียเหล่านี้ต่อไป

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์เผยว่า เจ้าหน้าที่ตรวจพบว่า มีรายชื่อบัตรประชาชนหญิงไทยมากกว่า 2,000 ราย ที่ถูกปลัดอ.วังม่วง จ.สระบุรี 2 ราย และเจ้าหน้าที่ธุรการ รวมทั้งสิ้น 3 ราย ร่วมกันทุจริตนำรายชื่อ อาทิ สำเนาการกู้ยืมเงิน หรือรายชื่อที่ถูกคนใกล้ชิดนำไปส่งต่อ จดทะเบียนสมรสโดยมิชอบ ก่อนส่งกลับไปให้เพื่อรับเงินค่านายหน้ารายชื่อละ 2,000 บาท

ต่อมามีชาวอินเดียบางรายนำทะเบียนสมรสที่ได้ออกโดยส่วนราชการโดยมิชอบด้วยกฎหมายนั้น ไปใช้ในการยื่นขออยู่ต่อในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว โดยอ้างเหตุในการขออยู่ต่อเพื่ออุปการะภรรยา หรือเยี่ยมคู่สมรสชาวไทย ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นเหตุให้ต้องเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร

นอกจากผู้ต้องหาทั้ง 8 คน ที่ถูกจับกุมในครั้งนี้ ตำรวจยังออกหมายจับชาวอินเดียอีกกว่า 300 ราย ที่มีพฤติการณ์แอบอ้างการจดทะเบียนกับหญิงไทยเพื่ออยู่ในประเทศไทยต่อ มาดำเนินคดี โดยมีผู้กระทำผิด บางส่วนหลบหนีออกนอกประเทศ แต่ขณะที่บางส่วนยังคงอยู่ในประเทศไทย

ส่วนรายชื่อที่เหลือประมาณ 1,700 ราย เจ้าหน้าที่จะต้อง ตรวจสอบว่ารายชื่อผู้จดทะเบียนสมรสได้อยู่กินกันจริงหรือไม่ หากพบความผิดปกติจะถูกเพิกถอน ใบสมรสทันที

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน