ติรยา ใจแก้ว – เรื่อง/ภาพ

พลันที่ นายเสกสรรค์ เขื่อนแก้ว อายุ 39 ปี หรือฉายา “เอ๋ ควาย” ผู้ต้องโทษในคดียาเสพติด ของทัณฑสถานบำบัดพิเศษลำปาง หลบหนีไปจากหอ ผู้ป่วยร.พ.ห้างฉัตร ก็มีข่าวลือสารพัดว่าเจ้าตัวมีวิชาอาคา สามารถสะเดาะกุญแจได้ บ้างลือหนักถึงขั้นสามารถกำบังกายไม่ให้ใครเห็นตัวได้

แต่ก่อนที่จะลือกันไปใหญ่โต เจ้าหน้าที่ก็สามารถติดตามจับกุมตัวเอ๋ ควาย ได้ที่ร่องน้ำใกล้กับจุดยูเทิร์น ศูนย์บริการทาง หลวงขุนตาล ถนนลำปาง-เชียงใหม่ ต.เวียงตาล อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง ภายหลังได้ลิ้มรสอิสรภาพอยู่ไม่ถึง 7 วัน

ย้อนไปเมื่อเวลา 01.30 น. วันที่ 23 พ.ค. น.ช.เอ๋ ซึ่งมีอาการป่วยปวดท้องรุนแรง จนถูกพาตัวมารักษาที่ร.พ.ห้างฉัตร หายตัวไปจากเตียงคนไข้ ทิ้งไว้แต่กุญแจมือและเศษลวดที่ใช้สะเดาะกุญแจ

หลังเกิดเหตุ พ.ต.อ.กฤษดา พันธ์เกษม รอง ผบก.ภ.จ.ลำปาง นายทนงศักดิ์ เกษตรธรรม ผู้ตรวจราชการกรมราชทัณฑ์ น.ส.สุนันทา คงพากเพียร ผอ.ทัณฑสถานบำบัดพิเศษลำปาง และ พ.ต.อ.สมพงษ์ ตั้งตัว ผกก.สภ.ห้างฉัตร พร้อมด้วย กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก 3 โรงพัก เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดอยผาเมือง เจ้าหน้าที่ป่าไม้ เจ้าหน้าที่กู้ภัยในพื้นที่ อ.ห้างฉัตร สนธิกำลังจำนวนกว่า 200 นาย ลงพื้นที่ปูพรมค้นหา

ขณะเดียวกัน กรมราชทัณฑ์ก็ประกาศตั้งรางวัลนำจับเป็นเงินจำนวน 50,000 บาท เพื่อมอบให้กับผู้ที่แจ้งเบาะแส จนสามารถจับกุมตัวได้ด้วย

ปฏิบัติการไล่ล่าเปิดฉากขึ้นเมื่อกำลังเจ้าหน้าที่กว่า 200 นาย ปิดล้อมพื้นที่ป่าเขตบ้านป่าไคร้เหนือ หมู่ 9 ต.หนองหล่ม อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง หลังได้เบาะแสจากชาวบ้านว่า พบผู้ต้องสงสัยบริเวณแปลงปลูกสับปะรด ก่อนจะวิ่งหลบหายไปในป่าเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา

เจ้าหน้าที่ใช้วิธีปูพรมเดินเรียงหน้ากระดานเข้าตรวจสอบอย่างละเอียดแต่ ยังไม่พบตัว แต่พบร่องรอยไถลลงไปในสระน้ำกลางแปลงสับปะรด และรอยแหวกว่ายกอหญ้าเป็นทางก่อนปีนขึ้นฝั่งในสภาพมีรอยนิ้วเท้าอย่างชัดเจนหายเข้าไปในป่ารกมีหญ้าสูง

เจ้าหน้าที่ยังได้รับแจ้งอีกเบาะแสว่าอยู่ในพื้นที่ใกล้กันภายในสวนมะม่วงใกล้สระน้ำขนาดใหญ่ของหมู่บ้านสถานี ต.ห้างฉัตร ซึ่งพบว่าภายในสวนมีกระท่อมตั้งอยู่ จากการตรวจสอบเจ้าหน้าที่พบร่องรอยของกินอาหาร มีกล่องโฟมและเศษข้าวติดอยู่ อีกทั้งมีซองขนมตกอยู่ที่ พื้น จึงคาดว่าน่าจะเป็นของผู้ต้องขังที่หลบหนีไป

ทั้งนี้ กำลังเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์และเจ้าหน้าที่ป่าไม้ยังคงวางกำลังปิดล้อมหมู่บ้านตามจุดต้องสงสัยโดยรอบ พร้อมทั้งแจกใบปลิวให้กับชาวบ้านได้ช่วยสังเกตและแจ้งเบาะแสหากพบเห็นตัว

ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่นำตัวญาติ 2 คนของผู้ต้องหามาสอบ กระทั่งเปิดปากรับสารภาพว่า นอกจากจะเดินทางไปเยี่ยมน.ช.เอ๋ ใน ช่วงกลางวันแล้ว เมื่อช่วงเวลาประมาณ 01.20 น. ของวันเกิดเหตุยังได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ไปส่งที่บริเวณปากทางเข้าวัดพระธาตุป๋อมป๋อแล ม.1 ต.วอแก้ว อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง จากนั้นน.ช.เอ๋ที่ยังมีโซ่ตรวนติดอยู่ที่ขาก็ได้เดินไปทางแนวป่าที่อยู่ใกล้วัดและ หายไป แต่ปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวข้องกับลวดที่ใช้สะเดาะกุญแจ

วันที่ 26 พ.ค. ย่างเข้าวันที่สี่ เจ้าหน้าที่รับแจ้งว่าที่บริเวณสวนลำไย หมู่บ้านทาป่าเปา ม.6 ต.ทาปลาดุก อ.แม่ทา จ.ลำพูน ชาวบ้านพบชายแปลกหน้าตัดผมทรงสั้นเกรียน รูปร่างใหญ่ นั่งอยู่ที่บริเวณกระท่อมใกล้กับตีนเขาดอยม่อนแก้ว เมื่อเห็นคนก็ได้วิ่งหลบหนีไปทางริมเขา

โดยเจ้าของสวนลำไยพบถุงพลาสติกขนาดใหญ่ที่ถูกเจาะรูดัดแปลงเป็นเสื้อกันฝนตกอยู่ 1 ผืน และพบต้นกล้วยหัก 1 ต้น ส่วนกล้วยลูกที่สุกถูกกินหมดไปทั้งเครือ คาดว่าน่าจะเป็นฝีมือของผู้ต้องขังที่กำลังหลบหนี จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบ ซึ่งหากเป็นน.ช.ที่หลบหนีจริงแสดงว่าเจ้าตัวต้องเดินป่าข้ามดอยขุนตาลมาที่ จ.ลำพูน

เจ้าหน้าที่กระจายกำลังไล่ล่าติดตามแต่ก็ไม่พบตัว ขณะที่มีคนพบเห็นตัวน.ช.เอ๋ อยู่เป็นระยะๆ สร้างความหวาดผวาให้ชาวบ้าน เนื่องจากเกรงว่าจะถูกชิงรถเพื่อ หลบหนี

ผ่านมา 6 วันกับการระดมกดดันอย่างหนัก ในที่สุดน.ช.เสกสรรค์ เขื่อนแก้ว หรือเอ๋ ควาย ก็จนมุมเมื่อวันที่ 28 พ.ค. โดยช่วงเช้ามีชาวบ้านพบเห็นเจ้าตัวเดินอยู่บริเวณในป่าใกล้กับสถานีทวนสัญญาณขุนตาลน้อย รอยต่อระหว่าง อ.แม่ทา จ.ลำพูน และ อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง

จึงสนธิกำลังเข้าปิดล้อมตรวจค้น พร้อมทั้งประสานเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติขุนตาล และเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดอยผาเมือง เดินลาดตระเวนตรวจสอบในพื้นที่ป่ารอยต่อ

กระทั่งช่วงบ่าย เจ้าหน้าที่อุทยานฯ พบเห็นรอยเท้าใกล้กับลำห้วยแม่สัน ติดกับถนนซูเปอร์ไฮเวย์สายลำปาง-เชียงใหม่ บริเวณฝั่งตรงข้ามกับศูนย์บริการทางหลวงขุนตาล โดยรอยเท้าหายไปบริเวณพงหญ้าใกล้กับต้นกล้วย จึงตะโกนเรียกให้ออกมามอบตัว

สักพักน.ช.เอ๋ซึ่งอยู่ในสภาพอิดโรยก็ยอมออกมา โดยในมือยังถือเคียวเกี่ยวหญ้าอยู่ เจ้าหน้าที่จึงเข้าจับกุมตัวและประสานเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์มารับตัว

น.ช.เอ๋สารภาพว่าสาเหตุที่หลบหนีเป็นเพราะอารมณ์ชั่ววูบและไม่มีใครช่วย ตลอดระยะเวลาที่อยู่ในป่าได้อาศัยกินกล้วยกินมะม่วงในสวนของชาวบ้านเพื่อประทังชีวิต ระหว่างที่หลบหนีก็เห็นเจ้าหน้าที่อยู่หลายครั้งก็ได้แต่หนีเข้าไปในป่า ซึ่งก็ไม่รู้เส้นทางจึงหลงป่า ก่อนถูกจับตัดสินใจเดินกลับไปบ้านที่ อ.ห้างฉัตร เพื่อจะไปหาแม่ให้พาไปมอบตัว

ถือเป็นบทเรียนที่เจ้าหน้าที่ซึ่งมีหน้าที่ควบคุมดูแลนักโทษต้องนำไปศึกษาถึงวิธีการหลบหนี เพื่อปรับปรุงการควบคุมดูแลให้รอบคอบรัดกุมยิ่งขึ้นต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน