กมล แย้มอุทัย – เรื่อง/ภาพ

ในโลกยุคปัจจุบัน ที่ข้อมูลทุกอย่างถูกย่อเข้าไปไว้ในคอมพิวเตอร์ ธนาคาร บริษัท ห้างร้านต่างๆ พยายามทุกวิถีทางที่จะปกป้องข้อมูลของลูกค้า อาทิ เลขบัตรประชาชน เลขบัญชี ข้อมูลบัตรเครดิต จากการเจาะระบบของเหล่าแฮ็กเกอร์สายดำ ที่ต้องการข้อมูลเหล่านั้นไปใช้ประโยชน์ในทาง มิชอบ

ลองคิดดูว่าชีวิตเราจะวุ่นวายขนาดไหน หากวันดีคืนดีจู่ๆ มีใบแจ้งหนี้ส่งมาหาว่าไปกู้เงินเอาไว้ที่นู่นที่นี่ โดยที่เราไม่รู้เรื่อง หรือที่ร้ายกว่านั้นตกเป็นผู้ต้องหาฉ้อโกงโดยไม่รู้ตัว กลายเป็นว่าแก๊งอาชญากรใช้ข้อมูลบัตรประชาชนไปเปิดบัญชีหลอกลวงรับโอนเงิน

ล่าสุดตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำ ความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) บุกจับ 4 หนุ่มตั้งแก๊งแฮ็กข้อมูลรหัสของผู้ให้บริการโทรศัพท์พื้นฐานและโทรศัพท์มือถือ เอาเลขบัตรประชาชนไปเปิดซิมโอนเงิน ซื้อขายไอเท็มในเกมออนไลน์

ตำรวจลุยค้นบ้านย่านวังน้อย กรุงเก่า พบหลักฐานเป็น ซิมการ์ด 2.9 พันชิ้น มือถืออีก 100 เครื่อง และบัญชีธนาคาร 49 บัญชี บัตรประชาชนบุคคลอื่นๆ กว่า 90 ใบ แถมยังพบยาไอซ์ จึงแจ้งข้อหายาเสพติด และพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ คุมตัวสอบสวนขยายผลต่อ

เรื่องราวถูกเปิดเผยขึ้นเมื่อวันที่ 1 มิ.ย. ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) พล.ต.ต.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบก.ปอท. พ.ต.อ.ไพบูลย์ น้อยหุ่น พ.ต.อ.สมเกียรติ เฉลิมเกียรติ รอง ผบก.ปอท. พ.ต.อ.วิระชาญ ขุนไชยแก้ว ผกก.1 บก.ปอท. และ พ.ต.ท.รัฐพงศ์ แก้วยอด รอง ผกก.1 บก.ปอท.

ร่วมแถลงจับกุมผู้ต้องหาร่วมกันเข้าสู่ระบบคอม พิวเตอร์โดยมิชอบ และใช้ข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยมิชอบ (แฮ็ก)

พล.ต.ต.วรวัฒน์ กล่าวถึงที่มาที่ไปของคดีดังกล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาผู้เสียหาย ซึ่งเป็นผู้ให้บริการโทรศัพท์พื้นฐาน และโทรศัพท์เคลื่อนที่รายใหญ่เจ้าหนึ่ง มอบหมายฝ่ายกฎหมายเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ปอท.ว่า พบแฮ็กเกอร์แฮ็กเข้ารหัสของตัวแทนจำหน่ายหลายร้าน

แฮ็กเกอร์เจาะเอาข้อมูลเลขบัตรประชาชนของลูกค้าที่อยู่ในระบบไปเป็นจำนวนมาก ต่อมาพบว่ามีการนำข้อมูลบัตรประชาชนที่แฮ็กไปได้ไปเปิดซิมการ์ด จากนั้นจึงนำซิมที่เปิดใหม่ไปใช้ประโยชน์ในการโอนเงิน เช่น หลอกซื้อขายไอเท็มเกมออนไลน์ หรือเปลี่ยนเอาวงเงินไปซื้อของบ้าง เติมเงินบ้าง

พ.ต.อ.วิระชาญ ขุนไชยแก้ว ผกก.1 จึงสั่งการ พ.ต.ท.รัฐพงศ์ แก้วยอด รอง ผกก.1 ดำเนินการติดตามแกะรอยสืบสวน จนทราบว่ามีคนร้ายร่วมกันแฮ็กข้อมูลลูกค้าผู้เสียหายหลายราย ก่อนสามารถตามแกะรอยย้อนกลับไปถึงแหล่งที่อยู่ของแฮ็กเกอร์กลุ่มนี้ได้

ผบก.ปอท.กล่าวว่า ต่อมาเมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 31 พ.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตํารวจ บก.ปอท.ขออนุมัติหมายค้นจากศาลจังหวัดพระนครศรี อยุธยาอนุมัติ ก่อนได้รับอนุมัติหมายค้นที่ 62/2561 ลงวันที่ 31 พ.ค. ให้เข้าค้นบ้านเลขที่ 200/24 ม.6 ต.ลําตาเสา อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อตรวจยึดสิ่งของเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ซิมการ์ด มือถือ อุปกรณ์เชื่อมต่อทางอินเตอร์เน็ต และพยานหลักฐานต่างๆ รวมถึงข้อมูลทางคอมพิวเตอร์

ต่อมาเวลาประมาณ 14.00 น. เจ้าหน้าที่ตํารวจเดินทางไปที่บ้านหลังดังกล่าว พบเป็นบ้านสองชั้น ตรวจค้นภายในบ้านบริเวณชั้นสอง พบมีกลุ่มคน 4 คนนั่งเล่นคอมพิวเตอร์กันอยู่ โดยทั้งหมดอยู่ในอาการมึนเมา ประกอบด้วย นายสมเจตน์ แหนกลาง อายุ 30 ปี นายวรยุทธ แจ้งถิ่นป่า อายุ 32 ปี นายคเณศ โคมเดือน อายุ 32 ปี และ นายสุริยา สัตย์ช้ำ อายุ 25 ปี

ตรวจค้นพบของกลางยาไอซ์ 1 ซอง น้ำหนักรวมซองบรรจุ 4.45 กรัม อุปกรณ์การเสพยาไอซ์ จํานวน 4 ชิ้น โดยยาไอซ์บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกใส จํานวน 1 ถุงเล็ก อยู่ในกล่องสายชาร์จไอโฟน ยี่ห้ออาซากิ สีเทาดํา ซึ่งวางอยู่บนโต๊ะคอมพิวเตอร์

นอกจากนี้ยังพบซิมการ์ดจำนวน 2,900 ซิม โทรศัพท์มือถือ 100 เครื่อง บัญชีธนาคารหลายชื่อหลายธนาคาร จำนวน 49 บัญชี บัตรประชาชนบุคคลต่างๆ 90 กว่าใบ

ผบก.ปอท.กล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบปัสสาวะของผู้ต้องหาทั้ง 4 คน โดยใช้ชุดตรวจหาสารเสพติดในปัสสาวะเบื้องต้น ผลการตรวจปรากฏว่าเป็นบวกทั้ง 4 คน จึงควบคุมตัวมาสอบสวนที่ บก.ปอท.

ทั้งหมดถูกแจ้งข้อกล่าวหาว่า “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน หรือยาไอซ์) ไว้ในครอบครองเพื่อจําหน่าย และแจ้งข้อหาความผิดพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ม.5 เข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์โดยมิชอบ (Hack) และ ม.7 เข้าถึงข้อมูลที่มีมาตรการป้องกันโดยมิชอบ” ก่อนนําตัวส่ง สภ.วังน้อย เพื่อดําเนินการตามกฎหมายต่อไป

นับเป็นภัยมืดที่ผู้ใช้บริการอย่างเราๆ ท่านๆ ไม่สามารถป้องกันได้ด้วยตัวเองได้เลย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน