คอลัมน์ สดจากสนามข่าว

ยุทธศักดิ์ สุขเจริญ /ศุภมาศ จงสกุล – เรื่อง/ภาพ

เย็นวันที่ 16 พ.ย. ชาวบ้านและผู้คนที่ใช้รถใช้ถนนผ่านไปมาบริเวณถนนสายกาญจนบุรี -พนมทวน ใกล้กับโรงเรียนพนมทวน ชนูปถัมภ์ ม.8 ต.พนมทวน อ.พนมทวน จ.กาญจนบุรี ต่างพากันอกสั่นขวัญหายไปตามๆ กัน เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเปิดฉากดวลปืนกับคนร้ายกลางถนน

เสียงปืนดังสนั่นหวั่นไหวอยู่ร่วม 10 นาที สุดท้ายคนร้ายถูกวิสามัญฆาตกรรม 2 ศพ คารถเก๋ง

เหตุการณ์เริ่มต้นขึ้นเมื่อรถเก๋งโตโยต้า รุ่นวีออส สีดำ ทะเบียน กบ 8068 นนทบุรี ซึ่งมีชาย 2 คนขับซิ่งแหกด่านตรวจของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองกาญจนบุรี

คนร้ายใช้เส้นทางถนนกาญจนบุรี-พนมทวน จากตัวเมืองกาญจน์ หลบหนีมุ่งหน้าเข้าพื้นที่ สภ.ท่าม่วง และ สภ.หนองขาว ก่อนผ่านเข้าเขต สภ.พนมทวน โดยมีรถของเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหาร กองกำลังสุรสีห์ ไล่ล่าติดตามรถดังกล่าวอย่างกระชั้นชิด

2 คนร้ายไม่ได้แค่ขับหลบหนีอย่างไม่คิดชีวิตเท่านั้น ตลอดทางยังได้ยิงปืนใส่รถเจ้าหน้าที่เพื่อสกัดไม่ให้ติดตามเป็นระยะๆ จนเกิดการไล่ยิงกันมาเป็นระยะทางยาวกว่า 50 กิโลเมตร

กระทั่งมาถึงใกล้โรงเรียนพนมทวนชนูปถัมภ์ ม.8 ต.พนมทวน อ.พนมทวน เจ้าหน้าที่ตัดสินใจหยุดรถคนร้ายให้ได้ ก่อนจะมีผู้คนที่ไม่รู้เรื่องราวต้องพลอยถูกลูกหลง

3

 

ตำรวจยิงสกัดไปที่ยางล้อรถจนแตกทั้ง 4 ล้อ กระสุนยังไปถูกเข้าที่เครื่องยนต์จนรถคนร้ายไม่สามารถไปต่อได้ ต้องจอดรถนิ่งอยู่กลางถนน

เจ้าหน้าที่ชุดไล่ล่าจึงปิดล้อมเอาไว้พร้อมสั่งให้ยอมมอบตัว แต่คนร้ายกลับยิงปืนใส่เจ้าหน้าที่ จนเกิดการดวลปืนกันเสียงดังสนั่น กระทั่งผ่านไปราว 10 นาทีเสียงปืนจึงสงบลง เมื่อเข้าไปตรวจสอบจึงพบว่าคนร้ายทั้ง 2 ราย ถูกกระสุนปืนของฝ่ายเจ้าหน้าที่จนเสียชีวิตดังกล่าว

พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผบช.ภ.7 พล.ต.ต.คำรณ บุญเลิศ ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี พ.อ.สุทธิพงษ์ พืชมงคล เสธ.บก.ควบคุม กองพลทหารราบที่ 9 นายอนุชา หอยสังข์ นายอำเภอพนมทวน พ.ต.อ.ศุภมาศ บัวลาด ผกก.สภ.พนมทวน เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน อัยการจังหวัด เจ้าหน้าที่มูลนิธิขุนรัตนาวุธ แพทย์เวรโรงพยาบาล เจ้าคุณไพบูลย์ รีบรุดไปตรวจสอบทันทีที่ได้รับแจ้ง

ภายในรถโตโยต้า วีออส ที่พรุนไปด้วยรูกระสุน พบศพผู้เสียชีวิตเป็นชาย 2 ศพ รายแรกอยู่บริเวณเบาะที่นั่งคนขับ สอบสวนทราบชื่อคือ นายณัฐวุฒิ วิหคทอง อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 48/2 หมู่ 6 ต.โพรงมะเดื่อ อ.เมือง จ.นครปฐม ถูกยิงบริเวณหน้าอก ต้นขาขวา ข้างตัวพบอาวุธปืนออโตเมติก ขนาด 7.65 ม.ม. ตกอยู่ 1 กระบอก ปลอกกระสุนปืนตกเกลื่อนรถ

2

 

ส่วนอีกรายไม่พบเอกสาร ใส่เสื้อยืดสีเขียว กางเกงยีนส์ ถูกยิงบริเวณกกหูด้านซ้าย ข้างตัวพบอาวุธปืนสั้นไม่ทราบขนาดตกอยู่ 1 กระบอก จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน ก่อนมอบศพให้เจ้าหน้าที่นำส่ง โรงพยาบาลเจ้าคุณไพบูลย์ เพื่อส่งชันสูตรต่อที่สถาบันนิติเวช

ต่อมาเจ้าหน้าที่สืบสวนทราบว่าผู้เสียชีวิตอีกรายคือ นายธงไชย สายเมธี อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 170/5 ถนนมาลัยแมน ต.รั้วใหญ่ อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี

พล.ต.ท.สุทธิพงษ์เปิดเผยว่า เบื้องต้นยังไม่ทราบสาเหตุการหลบหนีของรถเก๋งคันดังกล่าว แต่พบอาวุธปืนสั้น ส่วนอื่นๆ ยังไม่พบ สิ่งผิดกฎหมายใดๆ เจ้าหน้าที่จะนำรถไปตรวจสอบให้ละเอียดอีกครั้ง ว่ามีการซุกซ่อนสิ่งใดไว้หรือไม่

สำหรับทะเบียนรถเป็นของรถเก๋งยี่ห้อมิตซูบิชิ ที่ถูกนำมาสวมติดแทน ทั้งนี้ อยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าทั้งคู่หลบหนีด้วยเรื่องใด และทำไมต้องยิงสู้เจ้าหน้าที่จนถูกวิสามัญฆาตกรรมดังกล่าว

วันรุ่งขึ้น พล.ต.ต.คำรณ บุญเลิศ ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบประวัติทางด้านอาชญากรรมของ ผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ราย พบว่าทั้งคู่อาศัยอยู่ในพื้นที่ จ.สุพรรณบุรี โดยเมื่อพ.ศ.2552 นายณัฐวุฒิเคยถูกศาลตัดสินจำคุกข้อหาฆ่าผู้อื่น อีกทั้งยังเกี่ยวข้องกับคดียาเสพติด และเพิ่งพ้นโทษออกมาได้ไม่นาน

สำหรับรถเก๋งคันที่คนร้ายใช้ตรวจสอบแล้วพบว่าหมายเลขทะเบียน กบ 8068 นนทบุรี เป็นเลขทะเบียนของรถยนต์คันอื่น ที่นายณัฐวุฒินำมาติดเพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ ส่วนหมายเลขทะเบียน ที่แท้จริงคือ ญร 5684 กทม. โดยมีนายปรีชา ดอนสุวรรณ เป็นผู้เช่าซื้อมาจากบริษัทไฟแนนซ์แห่งหนึ่ง

เจ้าหน้าที่ได้สอบปากคำนายปรีชาแล้ว พบว่าไม่เกี่ยวข้องหรือรู้จักกับทั้ง 2 คนที่เสียชีวิตแต่อย่างใด โดยรถคันดังกล่าวมีการจำนำเอาไว้กับคนรู้จัก แต่ไม่ทราบว่ารถมาอยู่กับผู้เสียชีวิตได้อย่างไร ซึ่งจะได้ติดต่อสอบถามข้อเท็จจริงจากเพื่อน ที่รับจำนำรถยนต์อีกครั้งหนึ่ง

พล.ต.ต.คำรณกล่าวต่อว่า ตนสั่งการให้เจ้าหน้าที่เร่งสอบสวนใน 3 สำนวน คือเร่งสอบสวนเพื่อยื่นสำนวนส่งให้อัยการ เพื่อให้อัยการสั่งการให้สอบสวนว่าผู้ตายนั้นมีพฤติกรรมอย่างไร ก่อนที่จะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจวิสามัญฯ คงใช้เวลา 30 วันตามที่กฎหมายกำหนดเอาไว้ แต่หากไม่ทันเวลาที่กำหนดก็สามารถขออนุมัติขยายเวลาออกไปได้ตามความเหมาะสม

ส่วนสำนวนที่สองคือ การสอบสวนเพื่อหาสาเหตุว่าทำไมผู้ตายจะต้องใช้อาวุธปืนยิงใส่เจ้าหน้าที่เพื่อเปิดทางหลบหนีการตรวจค้น จนกระทั่งถูกเจ้าหน้าที่วิสามัญฯ ซึ่งคงต้องใช้เวลานานพอสมควร

และสำนวนที่สามคือ ให้เจ้าหน้าที่เร่งทำสำนวนสอบสวนว่าก่อนมีการวิสามัญฯ เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายหรือไม่ ซึ่งในส่วนนี้อาจจะทำให้ล่าช้าไปบ้าง เพราะต้องรอคำสั่งจากศาล เพื่อนำมาใช้ประกอบสำนวนการสอบสวนด้วย

คดีนี้ผู้การจังหวัดกาญจนบุรีสั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบ ดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา รอบคอบและโปร่งใสที่สุด เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ใครถูกใครผิดก็ว่ากันไปตามพยานหลักฐาน ไม่มี
ลำเอียงเด็ดขาด

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน