กลายเป็นเหตุการณ์ที่คนทั้งโลกต่างติดตามและลุ้นระทึก

สำหรับกรณีนักฟุตบอลเยาวชนหมูป่า อะคาเดมี 12 คน พร้อมโค้ชอีก 1 คน รวมทั้งสิ้น 13 ชีวิต ที่ติดอยู่ในถ้ำหลวง ภายในวนอุทยานแห่งชาติ ถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน อ.แม่สาย จ.เชียงราย ตั้งแต่วันที่ 23 มิ.ย.

จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ชุดประดาน้ำอังกฤษ เข้าไปเจอตัวในช่วงค่ำ วันที่ 2 ก.ค.

เป็นเวลากว่า 10 วัน ที่ทั้ง 13 ชีวิตติดอยู่ภายในถ้ำ มีเพียงขนมขบเคี้ยวเพียงเล็กน้อย อาศัยรองน้ำที่ไหลหยดมาภายในถ้ำประทังชีวิต

รอให้เจ้าหน้าที่เข้ามาช่วยเหลือ

ซึ่งหลังจากพบตัว หน่วยซีลและแพทย์เข้าดูแลให้อาหารเยียวยา พร้อมวางแผนให้รอบคอบว่าจะนำตัวทั้งหมดออกมาได้อย่างไร ให้ปลอดภัยที่สุด

ก่อนจะถึงช่วงนั้น เราจะย้อนเวลากลับไปวันต่อวัน ว่าเกิดอะไรขึ้นกับทั้ง 13 ชีวิต

วันเสาร์ที่ 23 มิ.ย. – นักฟุตบอลเยาวชนอายุ 11-16 ปี ของทีมฟุตบอลหมูป่า อะคาเดมี แม่สาย มาถึงสนามฟุตบอลในต.โป่งผา อ.แม่สาย จ.เชียงราย ประมาณ 10.00 น. จากนั้นเวลา 10.42 น. นายเอกพล จันทะวงษ์ โค้ชทีมหมูป่า วัย 25 ปี ได้โพสต์วิดีโอการฝึกซ้อมผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์

หลังจากซ้อมเสร็จ โค้ชและทีมฟุตบอลได้ขี่จักรยานพากันไปเที่ยวที่ถ้ำหลวง ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่อยู่ใกล้กับสนามซ้อม จากนั้นเวลาประมาณ 15.00 น. เจ้าหน้าที่วนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน สังเกตเห็นจักรยาน 11 คันจอดไว้ที่ทางเข้าถ้ำ และมีผู้ปกครองแจ้งมาว่าไม่สามารถติดต่อลูกชายได้

เวลา 22.00 น. ทีมกู้ภัยมูลนิธิสยามรวมใจแม่สาย รับแจ้งเหตุเด็กหายตัวไปในถ้ำหลวง จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบ

วันอาทิตย์ที่ 24 มิ.ย. – หลังเที่ยงคืนทีมกู้ภัยของมูลนิธิสยามรวมใจ-ทีมกู้ชีพสมาคมสิริกร เชียงราย พร้อมถังออกซิเจนและอุปกรณ์นำทางเข้าไปค้นหาภายในถ้ำเป็นครั้งแรก

03.00 น. ทีมกู้ภัยออกมาจากถ้ำ เผยว่าพบรองเท้าแตะและข้าวของจำนวนหนึ่ง วางทิ้งไว้บนพื้นถ้ำ แต่การค้นหาต้องยุติลงชั่วคราว เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดอันตรายเพราะระดับน้ำภายในถ้ำที่สูงขึ้นเรื่อยๆ

07.30 น. เจ้าหน้าที่กู้ภัยจากหลายหน่วยงานเริ่มการค้นหาอีกครั้ง แต่น้ำภายในถ้ำสูงขึ้นกว่าเดิม สภาพอากาศข้างในมีความชื้นและอากาศไม่ถ่ายเท

10.00 น. ทีมกู้ภัยกลับออกมาจากถ้ำ และแจ้งว่าโพรงถ้ำด้านในถูกน้ำปิดกั้นอยู่ ลึกกว่า 5 เมตร ขณะที่ระดับน้ำในถ้ำยังเพิ่มสูงต่อเนื่อง จึงส่งทีมนักประดาน้ำเข้าสำรวจโพรงถ้ำ ที่อยู่ลึกเข้าไปราว 3 กิโลเมตร แต่ต้องตัดสินใจถอนกำลังเพราะน้ำขุ่นและมีดินทรายไหล

จึงตัดสินใจขอความช่วยเหลือจากหน่วยทำลายใต้น้ำจู่โจม หรือหน่วยซีล จากฐานทัพเรือสัตหีบ

วันจันทร์ที่ 25 มิ.ย. – 05.00 น. หน่วยซีลเข้าประจำการพร้อมลงมือเข้าค้นหา 13 ชีวิตทันที เข้าไปถึงโถงใหญ่ พบรอยเท้าและรอยมือของเด็กๆ คาดทั้งหมดเดินลึกเข้าถ้ำเพื่อหนีน้ำที่ขึ้นสูงอย่างรวดเร็ว จากพายุฝนที่กระหน่ำ

ต่อมาช่วงค่ำต้องถอนกำลังออกมาเพราะฝนตกตลอด น้ำขึ้นสูง ขุ่นเชี่ยว เริ่มเป็นอันตราย เจ้าหน้าที่ปรับแผนเร่งสูบน้ำระบายออกนอกถ้ำ

ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่นำเฮลิคอปเตอร์บินสำรวจหลังได้ข้อมูลว่ามีปล่องทะลุเข้าถ้ำได้ พบปากปล่อง 2 จุด ทดลองส่งอาหารเข้าไป และโรยตัวเข้าสำรวจ

วันอังคารที่ 26 มิ.ย. – เจ้าหน้าที่ระดมสูบน้ำต่อเนื่อง แต่ปริมาณน้ำไม่ลด เนื่องจากมีน้ำจากภูเขาเข้ามาเสริม ทำให้ซีลไม่สามารถเข้าไปถึงจุดที่ทั้ง 13 ชีวิตติดอยู่ได้ จึงต้องส่งกำลังไปสำรวจหาตาน้ำเพื่อเบี่ยงน้ำ ขณะที่ชาวบ้านในชุมชน และเจ้าของพื้นที่การเกษตรยอมให้สูบน้ำเข้าไปในพื้นที่เพื่อให้ระดับน้ำในถ้ำลดลง

ผู้ปกครองและญาติเด็ก จัดพิธีฮ่องขวัญตามความเชื่อ ให้ทั้งหมดกลับบ้านปลอดภัย

วันพุธที่ 27 มิ.ย. – ความช่วยเหลือต่างชาติ เริ่มมาถึง สหรัฐส่งกองทัพร่วมปฏิบัติการค้นหา พร้อมเครื่องมือสแกนความร้อน เพื่อส่องหาผู้รอดชีวิต

ขณะที่ นายจอห์น โวลันเธน นายริชาร์ด สแตนตัน และ นายโรเบิร์ต ฮาร์เปอร์ 3 นักดำน้ำผู้เชี่ยวชาญดำน้ำในถ้ำ จาก เดอร์บี้เชียร์-เคฟ-เรสคิว-ออร์แกไนเซชั่น สหราชอาณาจักร เดินทางมาถึงเช่นกัน

วันพฤหัสฯที่ 28 มิ.ย. – เจ้าหน้าที่ยังสำรวจทุกโพรงบนดอยผาหมี เพื่อหาทางเชื่อม ขณะที่กำลังจากสมาคมน้ำบาดาลไทย ช่วยเจาะตาน้ำเพื่อระบายน้ำออก ส่วนนักประดาน้ำพยายามเข้าถึงจุดที่ 13 ชีวิต ติดอยู่ เชื่อว่าอยู่เลยโถงที่ 3 เป็นเนินหาดทรายเรียกว่า พัทยาบีช

วันศุกร์ที่ 29 มิ.ย. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช. รุดเยี่ยมให้กำลังใจญาติทั้ง 13 ชีวิตที่ติดอยู่ในถ้ำ ส่วนผลการสำรวจโพรง ล้วนล้มเหลว ไม่มีโพรงไหนเชื่อมต่อกับโถงถ้ำหลวง อย่างไรก็ตามการเจาะบาดาลช่วยระบายน้ำทำได้ดีขึ้น

ช่วงค่ำ ครูบาบุญชุ่ม เกจิดังรัฐฉาน เดินทางมาทำพิธีเปิดถ้ำ โดยทำพิธี 2 รอบ ขณะเดินทางกลับบอกว่าเด็กปลอดภัยดี อีก 1-2 วันจะได้กลับบ้าน

วันเสาร์ ที่ 30 มิ.ย. – หน่วยประดาน้ำทั้งจากต่างชาติ และหน่วยซีลรุกคืบได้มากขึ้น ไปจนใกล้ถึงพัทยาบีช พร้อมตั้งกองบัญชาการที่โถง 3 เนื่องจากการสูบน้ำทำได้ดีขึ้น ทีมสหรัฐยังใช้อินฟราเรดสแกนความร้อน หาผู้รอดชีวิตในถ้ำ

วันอาทิตย์ที่ 1 ก.ค. – นักประดาน้ำเข้าถึงสามแยก และยังคงไปต่อ โดยระหว่างทางพบช่วงที่ลึกและเป็นช่องแคบ ต้องใช้เครื่องมือเปิดพื้นที่ให้กว้างขึ้น และติดเชือกนำทาง รวมทั้งถังอากาศทุกจุดเว้นระยะ 25 เมตร เพื่อช่วยเหลือนักประดาน้ำ

ขณะที่การค้นหาบนภูเขา ให้เฮลิคอปเตอร์หิ้วรถแบ๊กโฮขึ้นบนเขา เตรียมขุดเจาะ หากมีพื้นที่เหมาะสม

วันจันทร์ที่ 2 ก.ค. – เจ้าหน้าที่ปิดตาน้ำบนดอยผาหมี ทำให้น้ำในถ้ำมีปริมาณลดลง

ต่อมาเวลา 21.38 น. นายจอห์น โวลันเธน นายริชาร์ด สแตนตัน 2 นักประดาน้ำชาวอังกฤษ ดำน้ำขึ้นมาพบทั้ง 13 ชีวิต ติดอยู่ที่เนินชื่อว่า เนินนมสาว ห่างจาก พัทยาบีช ประมาณ 400 เมตร

โดยนายจอห์นเป็นทีมล่วงหน้าที่ปักแนวเชือก โดยนายจอห์นได้เปิดเผยกับเพื่อนร่วมงานว่า ขณะที่กำลังดำน้ำปักแนวเชือกอยู่นั้น เชือกหมดลง ทำให้จอห์นต้องขึ้นมาบนผิวน้ำ ขณะนั้นเอง จอห์น ได้เงยหน้าขึ้นมาก็พบกับ เด็กทั้ง 13 คน ที่กำลังมองมาที่เขา

“ถ้าเชือกเส้นนั้นสั้นกว่านี้ซัก 15 ฟุต เขาจะเงยหน้าขึ้นมาเจอกับความมืดและกลับออกไปยังโถง 3 เพื่อไปเริ่มต้นใหม่ทั้งหมด และเด็กๆ คงต้องรอกันต่อไป”

ถือเป็นปฏิบัติการช่วยเหลือที่สร้างความสุขให้กับคนทั้งโลก

แต่ก็เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น ยังมีขั้นตอนที่ต้องแข่งกับธรรมชาติและเวลาในการนำตัวทั้ง 13 ชีวิตออกมาจากถ้ำ

เป็นงานที่ท้าทายอย่างยิ่ง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน