อดิษัยต์ พรวนพิมพ์ – อดิศร จิตตเสวี – เรื่อง/ภาพ

ชาวบ้านในซอยจรัญสนิทวงศ์ 34 แขวงบางยี่ขัน เขตบางพลัด กรุงเทพฯ ต้อง อกสั่นขวัญผวากับเหตุการณ์หน่วยอรินทราช 26 ปฏิบัติการล้อมจับมือปืนโหด ก่อนจะจบลงด้วยความตาย

เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อมีเพื่อนบ้านมาพบศพ น.ส.สิริพร โภชนดา อายุ 64 ปี ผู้ดูแลหอไม่มีชื่อภายในซอยดังกล่าว นั่งเสียชีวิตอยู่ภายในทาวน์โฮมแฝด สูง 4 ชั้น ที่ดัดแปลงเป็นห้องแบ่งเช่า ในช่วงสายของวันที่ 5 ก.ค.

ก่อนที่ต่อมาพนักงานสอบสวน สน.บางยี่ขัน จะรับแจ้งเกิดเหตุยิงกันเสียชีวิตภายในบ้านเลขที่ 68/14 ซอยจรัญสนิทวงศ์ 34 แขวงบางยี่ขัน เขตบางพลัด กรุงเทพฯ โดยผู้ก่อเหตุยังขังตัวเองอยู่ในที่เกิดเหตุ จึงรายงานผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นรับทราบ

ก่อนนำกำลังรุดไปตรวจสอบ พร้อม พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผบช.น. พล.ต.ต.ฤชากร จรเจวุฒิ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.บุญญฤทธิ์ รอดมา ผบก.น.7 พ.ต.ท.ศุภศักดิ์ โปรียานนท์ รอง ผกก.ป. สน.บางยี่ขัน เจ้าหน้าที่หน่วยอรินทราช 26 จำนวน 20 นาย เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์ หลักฐาน และแพทย์นิติเวช ร.พ.ศิริราช

ที่เกิดเหตุเป็นทาวน์โฮมแฝด สูง 4 ชั้น ปลูกติดกันมีรั้วรอบขอบชิด โดยชั้นล่างทำเป็นห้องสำนักงาน ส่วนชั้นที่ 2-4 แบ่งเป็นห้องชุดให้เช่าพักอาศัย รวม 6 ห้อง ภายในห้องสำนักงานชั้นล่างพบศพ น.ส. สิริพร โภชนดา อายุ 64 ปี ผู้ดูแลหอพักสวมเสื้อเเขนสั้นลายดอกสีฟ้า นุ่งกางเกงขายาวสีดำ

แพทย์ชันสูตรเบื้องตนพบว่าน.ส.สิริพรถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบขนาด เข้าหัวคิ้วซ้าย 1 นัด กระสุนทะลุท้ายทอย นั่งหงายหน้าอยู่บนเก้าอี้มีพนักพิงตรงโต๊ะทำงาน เลือดไหลรินเลอะพื้นภายในห้อง

ส่วนผู้ก่อเหตุทราบชื่อ นายปิยวัฒน์ เมษศิริฤกษ์ อายุ 56 ปี เป็น ผู้เช่าห้องพักบนชั้นที่ 3 พลเมืองดีให้ข้อมูลว่า เจ้าตัวขังตัวเองอยู่ในห้องพัก พร้อมประกาศว่าหากใครตามขึ้นไปจะยิงใส่ให้ตายทั้งหมด

พล.ต.ท.ชาญเทพสั่งการให้สายตรวจท้องที่เร่งกันชาวบ้านละแวกใกล้เคียง และบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องออกจากรัศมีที่เกิดเหตุ ก่อนเปิดทางให้หน่วยอรินทราช 26 เข้าในพื้นที่ชั้นล่างของตัวบ้าน เพื่อปิดล้อมป้องกันคนร้ายหลบหนี และวางแผนปฏิบัติการจับกุมตัว โดยเน้นย้ำให้ใช้มาตรการจากสถานเบาไปหาหนัก

ขณะที่ต่อมา น.ส.สิริวรรณ โภชนดา อายุ 62 ปี น้องสาวผู้ตายมาถึงจุดเกิดเหตุ ให้การกับตำรวจว่า น.ส.สิริพรไม่มีครอบครัว ทำงานเป็น ผู้ดูแลหอพักและอาศัยอยู่ที่นี่ ส่วนนายปิยวัฒน์ทราบว่าทั้งคู่เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมานาน

เนื่องจากนายปิยวัฒน์ซึ่งเช่าห้องพักแห่งนี้อยู่มานาน 10 ปีแล้ว ชอบขับขี่รถจักรยานยนต์เสียงดังกลับมายามค่ำคืน และเรื่องความสะอาดบริเวณหน้าห้องพัก ทำให้ถูกพี่สาวซึ่งเป็นคนคอยดูแลต่อว่า จนมีปากเสียงกันเป็นประจำ

ขณะที่การสอบสวนเพื่อนบ้านได้ความว่า เมื่อค่ำวันที่ 4 ก.ค. มีคนได้ยินเสียงปืนในบ้านหลังดังกล่าว แต่เสียงเบามากทำให้ไม่มีใครสนใจ กระทั่งช่วงสายไม่มีใครเห็นน.ส.สิริพรออกมานอกบ้านตามปกติ จึงมีเพื่อนบ้านเข้าไปถามหา แต่ประตูบ้านปิดล็อก และเห็นน.ส.สิริพรนั่งหงายหน้าไม่ได้สติอยู่บนเก้าอี้

ตอนแรกเพื่อนบ้านเข้าใจว่าน.ส.สิริพรป่วยหมดสติ จึงโทร.ประสานเจ้าหน้าที่มูลนิธิมางัดบ้านเข้าไปช่วยเหลือ แต่พอเข้าไปถึงพบว่าเจ้าตัวถูกยิงเสียชีวิตแล้ว จึงรีบแจ้งเหตุร้ายให้ตำรวจรับทราบ

เจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามเกลี้ยกล่อมนายปิยวัฒน์ให้ยอมมอบตัว แต่ก็ไร้ผล กระทั่งราว 14.00 น. เกิดมีเสียงปืนดังขึ้นจากภายในห้องของนายปิยวัฒน์ 1 นัด เจ้าหน้าที่จึงกระจายกันหาที่กำบัง หลังผ่านไป 10 นาทีไม่มีปฏิกิริยาอะไรออกมาจากห้องดังกล่าว

พล.ต.ท.ชาญเทพตัดสินใจสั่งให้หน่วยอรินทราช 26 ปฏิบัติการตามยุทธวิธีเพื่อบุกเข้าจับกุมตัว

ชุดปฏิบัติการพังประตูและโยนระเบิดเสียงเข้าไปเพื่อเปิดทาง จากนั้นจึงบุกเข้าไปในห้อง ก่อนพบว่านายปิยวัฒน์ใช้อาวุธปืนยิงเข้าศีรษะตัวเองเสียชีวิตไปแล้ว ภายในห้องยังพบอาวุธปืนลูกซอง และปืนพกรวม 4 กระบอก และจดหมายลาตายสั่งเสียวางไว้บนหัวเตียง บางส่วนระบุข้อความว่า “ของนี้ถ่ายภาพไว้หมดแล้ว ใครอย่ามาแตะต้องของ”

พล.ต.ท.ชาญเทพเปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการตามยุทธวิธีทั้งหมด ส่วนสาเหตุน่าจะเกิดจากความเครียด ประกอบกับนาย ปิยวัฒน์เป็นคนมีนิสัยใจร้อน เลิกกับภรรยาที่มีลูกด้วยกัน 2 คน อาศัยอยู่ที่อาคารดังกล่าวมาประมาณ 10 ปี ไม่ได้ประกอบอาชีพอะไร คาดกินมรดกเก่า ส่วนกรณีมีข่าวลือว่านายปิยวัฒน์เป็นตำรวจเก่านั้นเบื้องต้นไม่พบข้อมูล

ขณะที่ นายธวัชชัย สาธร อายุ 44 ปี ช่างประจำหอพัก เปิดเผยว่า ตนสนิทสนมกับผู้ตายทั้ง 2 คน คู่นี้เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตลอด ถกเถียงทะเลาะเบาะแว้งกันแทบทุกเรื่องในหอพัก ทั้งเรื่องขับขี่รถ จยย.เข้าออกหอพักส่งเสียงดัง วางข้าวของระเกะระกะหน้าห้องพัก

แม้กระทั่งเรื่องที่นายปิยวัฒน์ล้างจานชามในอ่างล้างหน้า ทำให้ท่อน้ำอุดตัน ก็ถูกน.ส.สิริพรตักเตือน ก่อนหน้านี้น.ส.สิริพรเคยเล่าให้ฟังว่าถูกนายปิยวัฒน์ชักปืนออกมาขู่ครั้งหนึ่งแต่ไม่กล้ายิง จึงไม่ได้ไปแจ้งความกับตำรวจ

“ผมก็ไม่คิดว่าในที่สุดเรื่องจะบานปลาย จนทั้งคู่ต้องจบชีวิตลงที่หอพักแห่งนี้” นายธวัชชัยกล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน