สมภพ สนเวส – เรื่อง/ภาพ

“ผมเห็นผิดสังเกต ที่ว่าดึกแล้วแต่ร้านพี่เขายังเปิดไฟอยู่ ทั้งที่ปกติทุ่มนึงพี่เขาก็จะปิดร้านแล้ว ผมเลยชวนแม่เข้าไปดูในร้าน ก็พบศพพี่เขานอนจมกองเลือดอยู่หลังร้านแล้ว” คำให้การของพยานหนุ่มวัย 19 ปี ซึ่งเป็นผู้พบศพ น.ส.วัลย์นภัสร์ ชาคำนันท์ ถูกฆ่าสยองอยู่ภายในร้านเสริมสวยชื่อ พร บิวตี้-ซาลอน เลขที่ 43/112 ซอยแหลมพระเมรุ-วัดคู่สร้าง หมู่ 9 ต.ในคลองบางปลากด อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ

ย้อนไปเมื่อเที่ยงคืนเศษ วันที่ 10 ก.ค. ร.ต.อ.ธราวุธ ไชยสาร รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ รับแจ้งเหตุพบผู้หญิงถูกปาดคอเสียชีวิต ภายในร้านเสริมสวยชื่อ พร บิวตี้-ซาลอน ภายในซอยแหลมพระเมรุ-วัดคู่สร้าง จึงประสาน พฐ. แพทย์ ร.พ.พระสมุทรเจดีย์สวาท ยานนท์ ไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.ท. บุญเกื้อ ดาราตระกูล รอง ผกก.ป. พ.ต.ท.นาวิน ทองสง่า รอง ผกก.สส. พ.ต.ท.สายันต์ มะโนรัตน์ สว.สส. ฝ่ายสืบสวนและหน่วยกู้ภัยมูลนิธิ ป่อเต็กตึ๊ง

ที่เกิดเหตุเป็นห้องแถว 2 ชั้นปลูกติดกัน 15 ห้อง ภายในห้องแรก ซึ่งเปิดเป็นร้านเสริมสวย พบผู้หญิงนอนหงายเสียชีวิตจมกองเลือดอยู่หลังร้าน มีบาดแผลถูกของมีคมปาดลำคอเป็นแผลเหวอะหวะ บนฝาถังเครื่องซักผ้าพบมีดปอกผลไม้ยาว 12 นิ้วเปื้อนเลือดวางอยู่ นอกจากนั้นยังพบร่องรอยการต่อสู้จนข้าวของล้มกระจัดกระจาย บนพื้นห้องพบรอยเท้าเปื้อนเลือด 3 รอย ขณะที่การสอบสวนทราบชื่อผู้ตายคือ น.ส.วัลย์นภัสร์ ชาคำนันท์ อายุ 49 ปี เป็นเจ้าของร้านเสริมสวยดังกล่าว

ตำรวจสอบสวนหนุ่มวัย 19 ปี ผู้พบศพคนแรก ให้การว่า ผู้ตายพักอาศัยอยู่ในร้านเพียงคนเดียวส่วนสามีและลูก จะมาแวะเยี่ยมเยียนอาทิตย์ละครั้ง บางครั้งมีกลุ่มเพื่อนสนิทแวะมาหาบ้าง ส่วนบ้านตนอยู่ถัดไปจากร้านผู้ตาย วันนี้ตนเห็นผิดสังเกตว่าร้านผู้ตายยังไม่ปิดประตูด้านหน้า และเปิดไฟทิ้งไว้ทั้งร้าน

ปกติผู้ตายจะปิดร้านประมาณ 19.00 น. ของทุกวันถ้าไม่มีลูกค้า ตนจึงเรียกแม่ให้เดินมาดูพบว่าร้านไม่ได้ล็อกประตู ก่อนที่จะเปิดเดินเข้าไปในร้าน พบผู้ตายนอนคว่ำหน้าเสียชีวิตจมกองเลือด จึงได้รีบวิ่งมาโทรศัพท์แจ้งหน่วยกู้ภัยให้มาช่วยเหลือ เพราะคิดว่าผู้ตายน่าจะเป็นลม แต่ต้องตกใจเมื่อเจ้าหน้าที่กู้ภัยมาถึงก็พบว่าถูกฆ่าปาดคอเสียชีวิตแล้ว

พ.ต.ท.นาวิน ทองสง่า รองผกก.สส.สภ.พระสมุทรเจดีย์ สั่งการให้ชุดสืบสวนไล่ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด ที่อยู่บริเวณโดยรอบก่อนจะพบว่าในช่วงเวลา 17.23 น. ของวันที่ 9 ก.ค.ที่ผ่านมา มีผู้หญิง 2 คน เดินออกมาจากร้านผู้ตาย โดยทั้งคู่ใช้ผ้าเช็ดที่มือ เหมือนเปื้อนอะไรมา ก่อนจะเดินเลี้ยวหายไปข้างตึกแถวที่อยู่ใกล้กัน

จากนั้นจนกระทั่งพบศพไม่ปรากฏว่ามีใครเข้าออกในร้านที่เกิดเหตุอีก หญิงทั้งคู่จึงเป็นผู้ต้องสงสัยหมายเลขหนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย

ตี 5 วันเดียวกัน ชุดสืบสวนก็สามารถจับกุมตัว 2 สาวผู้ก่อเหตุเอาไว้ได้ โดย พ.ต.ท.สายันต์ มะโนรัตน์ สว.สส. นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน ร่วมกันจับกุมตัว นางศิวาพร ใจสุข อายุ 31 ปี และ น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 17 ปี

พร้อมของกลางเงินสด 6,000 บาท สร้อยข้อมือทองคำ น้ำหนัก 1 บาท กระเป๋าสตางค์สีดำ 1 ใบ และเสื้อผ้าเปื้อนเลือดที่ใส่ก่อเหตุ 2 ชุด โดยจับกุมนางศิวาพร ได้ภายในอพาร์ตเมนต์ไม่มีชื่อชั้นที่ 3 ห้อง 11 และจับกุมตัวน.ส.เอได้ภายในกระต๊อบภายในซอยเดียวกัน

เจ้าหน้าที่ตำรวจเผยเบื้องหลังว่า ได้เบาะแสจากภาพวงจรปิด ชุดจับกุมจึงนำกำลังเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพร้อมหาข้อมูล จนทราบว่าหญิงทั้ง 2 คนพักอยู่ในอพาร์ตเมนต์ที่อยู่หลังตึกและกระต๊อบที่อยู่กลางซอย ก่อนจับกุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางคืนได้ทั้งหมด

ขณะที่นางศิวาพรให้การว่า รู้จักกับน.ส.เอมาแล้วเกือบ 1 ปี ตอนที่ทำงานเป็นพนักงานฝ่ายผลิตอยู่ในโรงงานผลิตพัดลมแห่งหนึ่งย่านพระสมุทรเจดีย์ ก่อนจะตกงานมาแล้วหลายเดือน จนกระทั่งเงินเก็บหมดลง จึงวางแผนทำทีเข้าไปทำผมในร้านของ ผู้เสียชีวิต เมื่อสบโอกาสที่ไม่มีลูกค้าและผู้เสียชีวิตเผลอ

ตนจึงใช้มือจิกผมผู้เสียชีวิตแล้วลากไปยังด้านหลังร้าน ก่อนจะให้น.ส.เอ ดูต้นทางพร้อมหามีดมาให้เพื่อข่มขู่ แต่ผู้ตายขัดขืนจึงใช้มีดกระหน่ำแทง ผู้ตายหลายแผล จนล้มลงเลือดไหลนอง และใช้มีดเล่มดังกล่าวปาดที่คอจนเสียชีวิต ก่อนช่วยกันค้นตัวล้วงเงินสดที่ใส่ไว้ในเอี๊ยมกันเปื้อนและปลดสร้อย ข้อมือทองคำหนัก 1 บาทติดมือไปด้วย

นางศิวาพรให้การอีกว่า หลังจากนั้นจึงรีบเดินออกไปจากร้านในท่าทางปกติเหมือนไม่มีเหตุอะไรเกิดขึ้น ก่อนจะเข้าไปหลบพักอยู่ในห้องพักที่ห่างจากร้านเกิดเหตุประมาณ 100 เมตร พร้อมแบ่งเงินกัน ส่วนทองคิดว่าจะนำไปขายในวันรุ่งขึ้น และแบ่งเงินส่วนที่เหลือพร้อมแยกย้ายกันหนี แต่กลับมาถูกตำรวจจับตัวได้เสียก่อน ส่วนอีกสาเหตุที่ทำลงไป เพราะสงสารน.ส.เอ ที่ตกงานและกำลังตั้งครรภ์อยู่ 5 เดือน เพื่อจะได้นำเงินมาใช้จ่ายและเก็บไว้ใช้ตอนคลอดลูก

แค่เหยื่อขัดขืน ถึงกับต้องลงมืออย่างโหดเหี้ยมอำมหิต จิตใจเธอทำด้วยอะไรกันแน่

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน