ณัฐวุฒิ ทิพย์ประโภชน์ – พนม คงเจริญเรื่อง/ภาพ

บ่ายโมงวันที่ 10 ก.ค. พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.สุภีร์ บุญครอง ผบก.สส.ภ.1 พล.ต.ต.สมหมาย ประสิทธิ์ ผบก.ภ.จว.อยุธยา พล.ต.ต.ชัยน์วัฒน์ อรัญวัฒน์ ผบก.ภ. จว.ลพบุรี พล.ต.ต.ชัยรัตน์ ทิพยจันทร์ ผบก.ภ.จว.สระบุรี ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม 4 คนร้าย ตระเวนก่อเหตุเจาะตู้เอทีเอ็มหลายจังหวัด ในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 1

ผู้ต้องหาประกอบด้วยนายบุญญฤทธิ์ แก้วมณี หรือเจ อายุ 27 ปี นายพณภัทร สุโชคนันท์ หรือบอส อายุ 26 ปี นาย สมประสงค์ พงก่อสร้าง หรือแบล็ก อายุ 21 ปี และนายธวัชชัย พลายแก้ว หรือปาล์ม อายุ 22 ปี

โดยตั้งข้อหา “ร่วมกันลักทรัพย์และพยายามลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้น โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไป และเพื่อให้พ้นการจับกุม”พร้อมของกลางประกอบด้วย เงินสด 300,000 บาท ทองรูปพรรณต่างๆ สร้อยคอทองคำ 4 เส้น สร้อยข้อมือ 2 เส้น พระเครื่องต่างๆ รวม น้ำหนักทองคำ 13 บาท มูลค่า 350,000 บาท รถเก๋งมิตซูบิชิแลนเซอร์อีโวลูชั่น รถเก๋งฮอนด้าแจ๊ซ โทรศัพท์มือถือไอโฟนเท็น 5 เครื่อง รถเก๋งนิสสันมาร์ช ถังแก๊สพร้อมหัวตัด จำนวน 1 ชุด

ปฐมบทของการแถลงจับกุมดังกล่าว ต้องย้อนกลับไปเมื่อเช้าวันที่ 6 ก.ค. พ.ต.ท.เดชา รัตนภัทดี สว.(สอบสวน) สภ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้รถกระบะ ที่บริเวณถนนคันคลองชลประทาน ม.6 ต.ลำไทร อ.วังน้อย จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบ ก่อนรุดไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.เอกราช อุ่นเจริญ ผกก.สภ.วังน้อย พ.ต.ท.เชิงชาย พงษ์แขก รอง ผกก.สส.สภ.วังน้อย

ที่เกิดเหตุพบเพลิงกำลังลุกไหม้รถกระบะมิตซูบิชิไทรทัน แค็บ มีโครงหลังคา สีบรอนซ์ ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน อย่างรุนแรง เจ้าหน้าที่ดับเพลิงจึงช่วยกันระดมฉีดน้ำประมาณ 20 นาทีเพลิง จึงสงบ รถยนต์ถูกเผาวอดเกือบทั้งคัน และไม่พบผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต

พล.ต.ต.สมชาย พัชรอินโต รองผบช.ภ.1 พล.ต.ต.อำนาจ จันเจริญ รองผบช.ภ.1 พล.ต.ต.สมหมาย ประสิทธิ์ ผบก.ภ.จว. พระนครศรีอยุธยา ลงพื้นที่ตรวจจุดเกิดเหตุ บริเวณใกล้เคียง จุดรถยนต์ถูกเผา พบกล่องเหล็กบรรจุธนบัตรของธนาคารจำนวน 4 กล่อง ถูกทิ้งอยู่ภายในคลองระบายน้ำ

เมื่อเหตุการณ์ส่อกลิ่นไม่ดี ตำรวจจึงไล่ตรวจสอบตู้เอทีเอ็มในละแวกดังกล่าว ก่อนไปพบว่าตู้เอทีเอ็มของธนาคารกรุงเทพและธนาคารไทยพาณิชย์ ที่หน้าร้านอาหารลุงนวย ม.2 ต.ลำไทร อ.วังน้อย อยู่ห่างไปราว 5 ก.ม. ถูกคนร้ายงัดได้รับความเสียหาย โดยที่ตู้ของธนาคารกรุงเทพ ถูกไฟเจาะเป็นรูและคนร้ายขโมยเงิน ไปได้จำนวน 2 ล้านบาท

คาดว่าหลังจากคนร้ายก่อเหตุ ได้ขับมาในทางเปลี่ยวแล้วช่วยกันงัด เอาเงินสดในกล่องออกแล้วโยนกล่องทิ้ง แต่รถอาจติดหล่มออกไปไม่ได้ จึงตัดสินใจเผารถทิ้งแล้วหลบหนีไป

ชุดสืบสวนทั้งของจังหวัดและสืบภาค 1 ประสานข้อมูลจนพบว่า คนร้ายที่ก่อเหตุนั้นมีลักษณะพฤติกรรมคล้ายกับกลุ่มเดียวกันที่เคยก่อเหตุงัดตู้เอทีเอ็มในเขตพื้นที่ อ.หนองแค จ.สระบุรี และ จ.ลพบุรี มาก่อนหน้านี้เพียงไม่กี่วัน โดยเฉพาะหลักฐานรถกระบะไทรทัน ที่ถูกเผา ก็ตรงกับรถที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ

ขณะที่การตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดได้เบาะแสเห็นหน้าตา คนร้ายชัดเจน เมื่อนำไปเทียบฐานข้อมูลคนร้าย จนพอจะรู้ว่าเป็นใคร โดยพบว่ามีคดี ลักรถติดตัวอยู่หลายคดี สุดท้ายก็นำมาสู่การบุกจับกุมตัวมาสอบสวนจนยอมรับสารภาพในที่สุด

ตัดกลับมาที่การแถลงข่าว พล.ต.ท. สุวัฒน์ เผยรายละเอียดว่า ทั้ง 4 รายสารภาพว่าร่วมกันก่อเหตุมาแล้ว 5 ครั้ง ครั้งแรกเมื่อเวลาประมาณ 01.40 น. วันที่ 26 มิ.ย. ที่ตู้เอทีเอ็มธนาคารกสิกรไทย หน้าร้านขายยา ปอป้อ ต.ลำตาเสา อ.วังน้อย จ.พระนคร ศรีอยุธยา โดยใช้เทปกาวปิดกล้องวงจรปิด แล้วตัดกุญแจล็อกประตูเหล็ก ก่อนใช้แก๊สตัดประตูตู้นิรภัยของตู้ แต่ไม่สำเร็จ

ครั้งที่สองเมื่อช่วงเวลา 03.56 น. วันที่ 28 มิ.ย. ที่ตู้เอทีเอ็มธนาคารกสิกรไทย สาขาหนองแค ที่หน้าร้านเอกภพ ใช้วิธีการเดียวกัน แต่ไม่สามารถนำเงินออกไปได้ ครั้งที่สาม เมื่อเวลา 00.20 น. วันที่ 29 มิ.ย. ก่อเหตุที่ตู้เอทีเอ็มของธนาคารทหารไทย หน้าร้านมินิมาร์ต ในปั๊มน้ำมันบางจาก ต.พัฒนานิคม อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี ครั้งนี้ได้เงินสดไป 174,500 บาท

ครั้งที่สี่เมื่อ 03.40 น. วันที่ 3 ก.ค. ที่ตู้เอทีเอ็ม หน้าอาคารพาณิชย์ ต.โคกแย้ อ.หนองแค จ.สระบุรี โดยใช้เชือกคล้องที่ตู้เอทีเอ็ม แล้วใช้รถกระบะมิตซูบิชิไทรทัน ทะเบียน บษ 2266 นครปฐม คันที่ถูกเผา กระชากตู้ออกไป แต่มีพลเมืองดีขับรถผ่านมา จึงรีบขับรถหลบหนี กระทั่งมาก่อเหตุล่าสุดครั้งที่ห้า ในพื้นที่ อ.วังน้อย จนมาถูกจับได้ดังกล่าว

“ทั้งหมดให้การรับสารภาพว่านำเงินที่ได้แบ่งกันคนละ 5 แสน ก่อนนำไปซื้อยาเสพติด จ่ายค่าพนันฟุตบอลและซื้อรถ เพื่อมาก่อเหตุต่อไป” พล.ต.ท.สุวัฒน์ กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน