ยุทธนา เกียรติดำเนินงาม – เรื่อง/ภาพ

ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เหตุการณ์คนร้ายลงมือจิกผมหญิงสาว กระชากลงจากรถ ลากไปขึ้นรถหลบหนีไป จะสร้างความไม่พอใจให้กับนายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์เป็นอย่างมาก ถึงขนาดลงมาติดตามความคืบหน้าคดีด้วยตัวเอง

เหตุผลหนึ่งมาจากสถานที่เกิดเหตุนั้นอยู่ปลายจมูก หน้าจวนผู้ว่าฯ นั่นประการหนึ่ง แต่ประการสำคัญคือข้อมูลที่ได้มา ว่าเป็นการหักกันเรื่องเงินค้ายาเสพติดของขบวนการค้ายา เนื่องด้วยผวจ.เมืองน้ำดำ ได้เปิดยุทธการฟ้าแดดสงยาง กวาดล้างกลุ่มแก๊งขบวนการค้ายาเสพติดอย่างจริงจังและต่อเนื่องมาโดยตลอด

จึงเป็นเรื่องที่ยอมไม่ได้ ที่ขบวนการค้ายากระทำการเหิมเกริมเพียงนี้

เรื่องราวถูกเปิดเผยขึ้นเมื่อวันที่ 11 ก.ค. นายไกรสร กองฉลาด ผวจ.กาฬสินธุ์ พร้อมด้วย นายชาญชัย ศรศรีวิชัย นายอำเภอเมืองกาฬสินธุ์ พ.ต.อ.รัชพล เสริมศรัณย์ ผกก.สภ.เมืองกาฬสินธุ์ พ.ต.อ.ธีรพัฒน์ ธารีไทย ผกก.สส.ภ.จว.กาฬสินธุ์ พ.ต.ท.ปิติทัต กงทอง สว.สส.ภ.จว.กาฬสินธุ์ พ.ต.ท.ปรัชญา ต้นกันยา สว.สส.สภ.เมืองกาฬสินธุ์ ชุดสืบสวนตำรวจภูธรจ.กาฬสินธุ์ ชุดสืบสวน สภ.เมืองกาฬสินธุ์

ร่วมกันสอบสวนนายมานะศักดิ์ อุดมพันธ์ อายุ 23 ปี นายสุรศักดิ์ จันทร์เพ็ง อายุ 20 ปี และนายธนารัตน์ ภูโชคชัย อายุ 23 ปี พร้อมของกลางยาบ้าจำนวนหนึ่ง ซึ่งทั้งหมดเป็น 3 ใน 5 คนที่ร่วมกันก่อเหตุขับรถปาดหน้าน.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 26 ปี ก่อนที่จะลงไปฉุดกระชาก ผมรุมทำร้ายแล้วนำตัวไปกักขังไว้เพื่อเรียกค่าไถ่ จำนวน 350,000 บาท

เหตุเกิดเมื่อกลางดึกของวันที่ 10 ก.ค. ที่ผ่านมา บริเวณถนนข้างโรงแรมสุภัคโฮเต็ล หน้าจวนผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นการก่อเหตุที่อุกอาจใจกลางเมือง โดยที่ไม่เกรงกลัวกฎหมาย ซึ่งกล้องวงจรปิดสามารถจับภาพขณะก่อเหตุไว้ได้อย่างชัดเจนและมีพลเมืองดีสามารถถ่ายภาพขณะกลุ่มคนร้ายก่อเหตุได้ อีกด้วย

พ.ต.อ.ธีรพัฒน์ เผยว่าหลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนเร่งแกะรอยติดตามคนร้าย กระทั่งพบตัวน.ส.เอ ที่อาศัยจังหวะที่คนร้ายเผลอ หนีออกมา ก่อนจะตามไปจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ 3 คน และขยายผลตรวจยึดยาบ้าได้จำนวนหนึ่งที่โรงแรมแห่งหนึ่งใน จ. มหาสารคาม ซึ่งผู้ต้องหาไปเปิดไว้เป็นจุดพักยา

อย่างไรก็ตาม จากการสอบถาม น.ส.เอ เบื้องต้น เล่าว่า ขณะนั้นตนและเพื่อนพยายามขับรถหนีกลุ่มคนร้ายเพื่อจะเข้าไปขอความช่วยเหลือในจวนผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์ และจะเข้าไปที่โรงพัก แต่ถูกกลุ่มคนร้ายขัดรถปาดหน้าจนเสียหลักก่อน

ทั้งนี้ ทั้ง 3 คนสารภาพว่าร่วมกับเพื่อนอีก 2 คน ฉุด น.ส.เอ ไปเรียกค่าไถ่เพราะต้องการทวงเงินที่ติดค้างค่ายาบ้า ซึ่งที่ผ่านมาพยายามทวงหลายครั้ง แต่ก็บ่ายเบี่ยงตลอด จึงต้องใช้มาตรการขั้นเด็ดขาด โดยการฉุดตัวขึ้นรถดังกล่าว

นายไกรสรกล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวถือว่า เป็นการก่อเหตุที่อุกอาจ โดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย แม้แก๊งค้ายาเสพติดจะเหิมแค่ไหน เจ้าหน้าที่ทั้งตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครองก็จะไม่ปล่อยแก๊งเหล่านี้ไป ซึ่งจะต้องตามกวาดล้างเครือข่ายค้ายาเสพติดเหล่านี้ให้หมด ส่วนยุทธการฟ้าแดดสงยางกวาดล้างยาเสพติด ก็จะยังคงปฏิบัติกันอย่างต่อเนื่อง

ภายหลังถูกกดดันไล่ล่าหนัก วันที่ 13 ก.ค. นายรัฐศาสตร์ ภูนายาว อายุ 34 ปี ซึ่งเป็นชายในคลิปกล้องวงจรปิดที่ดึงกระชากผม น.ส.เอ ลงจากรถ และ นายศุภมิตร บัญชา อายุ 30 ปี คนขับรถกระบะสี่ประตูยี่ห้ออีซูซุ สีแดง พร้อมทนายความ ได้เข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ

โดยทั้งคู่ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา โดยเฉพาะข้อหาเรียกค่าไถ่ แต่ยอมรับว่าได้เข้าไปอุ้มตัว น.ส.เอ จริงตามคลิป แต่เป็นการรับจ้างทวงหนี้ ทำงานตามใบสั่งจาก นางปู (ไม่ทราบชื่อนามสกุลจริง) เจ้าของรีสอร์ตแห่งหนึ่งที่จังหวัดมหาสารคาม โดยได้รับค่าจ้างเป็นเงิน 10,000 บาท ให้มาทวงหนี้ที่ น.ส.เอ กู้ยืมมา แต่ไม่ทราบว่า เป็นเงินค่าอะไร ทั้งนี้ ทั้งคู่ยัง ปฏิเสธที่น.ส.เอ อ้างว่าเป็นการทวงเงินจากการค้ายาบ้า

“ผมได้รับการว่าจ้างจากนางปู เจ้าของรีสอร์ตแห่งหนึ่ง ที่จังหวัดมหาสารคาม เป็นเงิน 10,000 บาท ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเป็นการทวงเงินค่าอะไร เพราะมีหน้าที่ทำงานให้เสร็จ แต่ก็มาถูกจับเสียก่อน ยืนยันไม่มีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับหนี้สินที่ค้างทั้งสิ้น” นายรัฐศาสตร์กล่าว

ผู้ต้องหาทั้ง 5 คน ถูกแจ้งข้อหาหนัก ก่อนนำตัวไปฝากขังยังศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ ขณะที่ น.ส.เอ ก็ใช่จะรอด เพราะเมื่อตำรวจสอบประวัติก็พบว่ามีประวัติพัวพันกับแก๊งยา “มันทุกเม็ด” ซ้ำเป็นแก๊งใหญ่ในภาคอีสาน

อีกทั้งเมื่อไปค้นที่ห้องเพื่อนที่ จ.มหาสารคาม ก็พบยาบ้าจำนวน 4 พันเม็ด จึงจับกุมมาดำเนินคดี ทำให้น้ำหนักเรื่องอุ้มทวงเงินค่า ยาเสพติดมีน้ำหนักมากขึ้น เจ้าหน้าที่จึงเตรียมขออนุมัติหมายจับ น.ส.เอเป็น รายต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน