หนึ่งฤทัย หนูสวัสดิ์ – เรื่อง/ภาพ

การหายตัวไปของ นายประสงค์ ลิขิตชล หรือ เฮียสงค์ อายุ 59 ปี เจ้าของ “สลิลฟาร์ม” ฟาร์มเลี้ยงวัวขุนชื่อดัง ในพื้นที่ดอนเจดีย์ จ.สุพรรณบุรี อาจจะเป็นปริศนาอีกนาน หากไม่มีผู้ไปพบรถกระบะของเจ้าตัวถูก จอดทิ้งอยู่ในป่าละเมาะ ท้ายหมู่บ้าน หมู่ 1 ต.หนองสาหร่าย อ.ดอนเจดีย์ จ.สุพรรณบุรี จนกลายเป็นคดีสยองเมืองขุนแผน

เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 16 ก.ค. ร.ต.อ.ศักดิ์นคร ภาชนะพูล รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.ดอนเจดีย์ จ.สุพรรณบุรี ได้รับแจ้งจาก ชาวบ้าน ว่า พบรถยนต์กระบะมิตซูบิชิ 4 ประตู ทะเบียน กท 4494 สุพรรณบุรี จอดทิ้งอยู่ในป่าละเมาะท้ายหมู่บ้าน หมู่ 1 ต.หนองสาหร่าย อ.ดอนเจดีย์ จ.สุพรรณบุรี จึงรุดไปตรวจสอบ พร้อมด้วย พ.ต.อ.วิติพจน์ พจนาคม รอง ผบก.ภ.จว.สุพรรณบุรี พ.ต.อ.ยิ่งยศ เขินอำนวย ผกก.สภ.ดอนเจดีย์ พ.ต.อ.วริทธิ์พงษ์ ทัฬหวรงค์ ผกก.สส.ภ.จว.สุพรรณบุรี ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐาน และชุดสืบสวน

เมื่อไปถึงพบรถกระบะจอดทิ้งไว้ สภาพประตูรถถูกปิดล็อก ตรวจสอบทะเบียนรถพบเป็นของ นายประสงค์ ลิขิตชล หรือ เฮียสงค์ อายุ 59 ปี เจ้าของ “สลิลฟาร์ม” ฟาร์มเลี้ยงวัวขุน ชื่อดังในพื้นที่ดอนเจดีย์ อยู่บ้านเลขที่ 161 หมู่ 2 ต.สระกระโจม อ.ดอนเจดีย์ จ.สุพรรณบุรี เจ้าหน้าที่ลากรถไปเก็บไว้ที่ สภ.ดอนเจดีย์

ขณะที่ชุดสืบสวนไปตรวจสอบที่บ้านพักเฮียสงค์ ซึ่งมีพื้นที่ประมาณ 20 ไร่ แต่ไม่พบตัว พบเพียงวัวจำนวนมากอยู่ในคอก ภายในบ้านข้าวของเครื่องใช้ยังอยู่ในสภาพปกติ ไม่มีร่องรอยการถูกรื้อค้น

นายมนัส ทันทวงษ์ ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 2 เปิดเผยว่า ตนและนายประสงค์สนิทกัน ที่ผ่านมาก็แวะไปมาหาสู่กันเป็นประจำ แต่เห็นนายประสงค์ครั้งสุดท้ายเมื่อ 3-4 วันก่อน และก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย

“ล่าสุดมีคนเล่าว่าเมื่อ 2 วันก่อนช่วงเช้ามืดชาวบ้านได้ยินเสียง หมาเห่า และมีรถยนต์ 2 คันขับมาจอดหน้าฟาร์ม ซึ่งก็ไม่ได้สงสัยอะไรคิดว่าคงจะมีการซื้อขายวัวกัน ต่อมาวันรุ่งขึ้นรถของนายประสงค์และตัวนายประสงค์เองก็ไม่อยู่ เลยคิดว่าคงไปทำธุระ จนกระทั่งเห็นวัว 3 ตัวเดินไปมา ห่างจากบ้าน 5 ก.ม. และพบรถอยู่ในป่าละเมาะ” นายมนัสกล่าว

พ.ต.อ.ยิ่งยศเปิดเผยว่า จากหลักฐานเชื่อว่าเสี่ยสงค์ถูกอุ้มไป ซึ่งยังไม่ทราบชะตากรรม เบื้องต้นตั้งไว้ 2 ประเด็น คือ อาจเป็นเรื่องปัญหาส่วนตัว เรื่องธุรกิจค้าวัวด้วยกัน หรืออาจมีกลุ่มคนร้ายเข้าไปขโมยวัว แล้วเจ้าตัวมาเห็นเข้าเลยถูกอุ้มไป

วันรุ่งขึ้น พ.ต.อ.วิติพจน์เรียกประชุมทีมสืบสวนคลี่คลายคดี ประกอบด้วยทีมชุดสืบสวนจาก กก.สส.ภาค 7 ทีมสืบสวน กก.สส.ภจ.สุพรรณบุรี และชุดสืบสวน สภ.ดอนเจดีย์ รวมกว่า 40 นาย จากนั้นลงพื้นที่ตรวจสอบที่บ้านพัก ฟาร์มวัว และ พื้นที่โดยรอบ

ตร.แบ่งชุดสืบสวนออกเป็น 3 ชุด เพื่อเร่งหาพยานหลักฐานและข้อมูลพยานแวดล้อมเพิ่มเติม ทั้งติดตามจากกล้องซีซีทีวี รวมทั้งติดตามกลุ่มผู้ต้องสงสัยที่คาดว่าจะนำวัว 4 ตัวที่หายไปไปขายให้กับกลุ่มใด

ทีมชุดสืบสวนอีกชุดได้ลงพื้นที่ ในตลาดค้าขายโค-กระบือ ในเขต อ.เลาขวัญ จ.กาญจนบุรี และทราบเบาะแสว่าเมื่อเช้าวันอาทิตย์ที่ 15 มีชาย 2-3 คน บรรทุกวัวมา 4 ตัว นำวัวมาขายที่ตลาด โดยกลุ่มผู้ค้าวัวในเขต อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี ซื้อไปในราคาเหมา 4 ตัว เป็นเงิน 108,000 บาท

ชุดสืบสวนนำตัวกลุ่มผู้ที่ซื้อวัวมามาสอบปากคำ จนทราบว่าผู้ที่นำวัวมาขายคือ นายประสงค์ โพธิ์เพชร อายุ 46 ปี ชาว อ.ดอนเจดีย์ จ.สุพรรณบุรี

ต่อมา พล.ต.ต.กษณะ แจ่มสว่าง ผบก.ภ.จว.สุพรรณบุรี ร่วมสอบปากคำนายเอ (นามสมมติ) อายุ 17 ปี หลานชายนายประสงค์ ที่ชุดสืบสวนเชิญ ตัวมา จนรับว่าเป็นคนขับรถกระบะ ไปซ่อนในป่าละเมาะท้ายหมู่บ้าน ช่วงกลางคืนวันที่ 15 ก.ค.ที่ผ่านมา

พร้อมทั้งยอมรับสารภาพอีกว่า ร่วมกับผู้เป็นลุงฆ่าเฮียสงค์แล้วนำศพไปหมก ที่บ่อขยะเทศบาลตำบลสระกระโจม ห่างจากฟาร์มผู้ตาย 5 ก.ม.

นายเอให้การว่า ช่วงค่ำวันที่ 15 ก.ค. ผู้เป็นลุงขับรถมารับที่บ้าน พากันมาหาเฮียสงค์ที่ฟาร์มวัว จากนั้นก็ได้พูดคุยกันอยู่พักใหญ่ เรื่องขอยืมเงิน แต่ปรากฏว่าเฮียสงค์บอกว่าไม่มี แล้วเดินหนีไปที่คอกวัว

“ลุงเลยไปหยิบไม้ตีเข้าที่ท้ายทอยจนสลบ จากนั้นนำร่างไปกดน้ำที่บ่อน้ำข้างฟาร์มจนขาดใจตาย แล้วเอาศพขึ้นรถพร้อมกับเอาวัวใส่ท้ายรถไปด้วย ลุงบอกว่าจะเอาศพไปทิ้งที่บ่อขยะ ผมเป็นคนขับรถบรรทุกวัว และขนศพออกมาจากฟาร์ม ส่วนลุงขับรถกระบะเฮียออกมา หลังจากเอาศพทิ้งแล้วก็ขับรถตามกันมา ก่อนเอารถเฮียไปซ่อนในป่าละเมาะแล้วลุงก็ขับไปส่งบ้าน บอกว่าเดี๋ยวจะเอาวัวไปขายแล้วเอาเงินมาแบ่งกัน แต่ลุงก็หายตัวไปเลย” นายเอให้การเป็นฉากๆ

เมื่อตำรวจไปตรวจสอบที่กองขยะตามคำให้การ ก็พบศพเฮียสงค์ถูกหมกอยู่จริงๆ จึงรวบรวมหลักฐานเพื่อขออนุมัติศาลออกหมายจับเพื่อติดตามตัวมาลงโทษต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน