สุทิน มารยา – มโนธรรม ใจหาญ – เรื่อง/ภาพ
กว่า 6 ชั่วโมง ที่ตำรวจปิดสี่แยกเหนือคลอง อ.เหนือคลอง จ.กระบี่ ล้อมรถเก๋งโตโยต้า สีบรอนซ์ ทะเบียน กจ 2700 กระบี่ ไว้กลางถนน ระดมญาติ-ลูกของผู้ก่อเหตุมาเจรจาต่อรองให้คนร้ายที่อยู่ในรถปล่อยตัวประกันลงมา
ในที่สุด นางอารีรัตน์ พิมลเดชกุล อายุ 41 ปี ก็เปิดประตูลงจากรถมาในสภาพอ่อนแรง จากการเสียเลือดเป็นเวลานาน เพราะถูกยิงได้รับบาดเจ็บที่ขาขวา และน่องขวารวม 2 นัด
เจ้าหน้าที่รีบรับตัวไปปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนส่งรักษาต่อที่โรงพยาบาลเหนือคลอง
ส่วนคนร้ายที่ก่อเหตุก็ไม่ใช่ใครที่ไหน คือ นายสายัณต์ พิมลเดชกุล สามีของ นางอารีรัตน์ นั่นเอง หลังปล่อยตัวภรรยาออกมา เจ้าตัวยังสวมเสื้อเกราะนั่งนิ่งอยู่ในรถ ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ไม่กล้าทำอะไรวู่วาม เพราะนายสายัณต์ ยังกำปืนพกขนาด .38 ไว้ในมือ และขู่ว่ามีระเบิดอยู่ในรถ
หลังเจ้าหน้าที่และลูกๆ เกลี้ยกล่อมอยู่อีกกว่า 2 ชั่วโมง นายสายัณต์จึงยอมเปิดประตูลงมาจากรถ วางปืนและมอบตัวแต่โดยดี ก่อนเข้าไปกอดลูกสาวทั้ง 2 คน จากนั้นได้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจคุมตัว ทางตำรวจจึงรีบนำตัวขึ้นรถไปยังกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกระบี่ เพื่อสอบสวนหาสาเหตุที่ลงมือในครั้งนี้ทันที
ท่ามกลางความโล่งใจของทุกฝ่ายที่ไม่เกิดเหตุสลดอะไรซ้ำซ้อนเพิ่มเติมขึ้นมาอีก
ปฐมบทเหตุระทึกครั้งนี้ เกิดขึ้นเมื่อ 7 โมงเช้า วันที่ 23 ก.ค.ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวน สภ.เมืองกระบี่ รับแจ้งเหตุยิงกันมีผู้ได้รับบาดเจ็บ ที่ห้องแถวบ้านเลขที่ 27/3 ถนนสุขสำราญ ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.กระบี่ จึงนำกำลังรุดไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุ พบเพียงกองเลือดและรอยลากเป็นทางยาวมาถึงหน้าบ้าน ใกล้กันพบปลอกกระสุนปืนชนิด .38 จำนวน 2 ปลอก จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
ชาวบ้านข้างเคียงให้การว่า คนร้ายคือนายสายัณต์บุกเข้าไปยิงนางอารีรัตน์ซึ่งเป็นอดีตภรรยาภายในบ้านหลังดังกล่าว ก่อนลากตัวขึ้นรถหลบหนีไป
เจ้าหน้าที่จึงรีบแจ้งทางวิทยุสื่อสารให้ตำรวจทุกท้องที่ช่วยกัน สกัดจับ
ก่อนจะพบรถคันดังกล่าวขับฝ่าด่านตรวจสกัด บริเวณสามแยกวัดถ้ำเสือ ถนนเพชรเกษม มุ่งหน้าไปยัง จ.ตรัง จึงระดมกำลังไล่ล่าจนตามไปทันกันที่สี่แยกเหนือคลอง เจ้าหน้าที่กว่า 50 นายจึงเข้าล้อมพื้นที่ ปิดการจราจรบริเวณดังกล่าวเด็ดขาด
แต่คนร้ายไม่ยอมลงจากรถ และยังจับคนเจ็บไว้เป็นตัวประกัน และตะโกนแจ้งว่ามีระเบิดในรถและพร้อมที่จะฆ่าตัวตายทันที เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องปิดเส้นทางจราจรใช้เวลาเจรจานานกว่า 2 ชั่วโมง แต่ไม่เป็นผล
พล.ต.ต.บุญทวี โตรักษา ผบก.ภ.จว.กระบี่ รุดเดินทางมาเจรจาให้คนร้ายยอมมอบตัว และให้เจ้าหน้าที่เข้ารักษาผู้บาดเจ็บเนื่องจากเสียเลือดเป็นจำนวนมาก แต่การเจรจาไม่เป็นผล
ต่อมาเวลา 12.50 น. ซึ่งผ่านไปแล้วกว่า 6 ชั่วโมง ญาติ รวมทั้งลูกสาว 2 คนของนายสายัณต์ผู้ก่อเหตุ และพี่ของนายสายัณต์เดินทาง มาจากจ.ตรัง เข้าไปเจรจาพูดคุยจนสุดท้าย เจ้าตัวยอมปล่อยนางอารีรัตน์ลงมาจากรถ
เจ้าหน้าที่สอบปากคำผู้ก่อเหตุรวมถึงญาติ ทราบว่า นายสายัณต์เป็นอดีตตำรวจใน จ.ตรัง แต่ปัจจุบันประกอบอาชีพรับเหมาติดตั้งอะลูมิเนียม และเป็นพ่อม่ายลูกติดเป็นลูกสาว 1 คน
ต่อมาพบรักกับนางอารีรัตน์ซึ่งเป็นชาวจีน จนแต่งงานกันจนกระทั่งนางอารีรัตน์ได้สัญชาติไทย อยู่กินกันจนมีลูกอีก 1 คน โดยฝ่ายหญิงมีอาชีพเป็นครูสอนภาษาจีน
แต่ที่ผ่านมาชีวิตคู่ของทั้งสองคนเกิดเรื่องระหองระแหงกัน จนแยกครอบครัวกันอยู่มาแล้วเกือบ 1 ปี โดยที่นายสายัณต์เองพยายามจะตามง้อภรรยามาโดยตลอด ถึงขนาดเคยบุกไปโรงเรียนสอนภาษาจีนที่ภรรยาทำงานอยู่ และขู่ทำร้ายด้วยมีดมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ก็ไม่เป็นผล
มาครั้งนี้นายสายัณต์จึงมาเช่าห้องอยู่ภายในซอยที่เกิดเหตุ ก่อนบุกเข้าไปหวังขอคืนดี แต่ฝ่ายหญิงก็ไม่ยอมใจอ่อน นายสายัณต์จึงฉุดกระชากพาขึ้นรถ ตั้งใจพากลับไปยังบ้านที่ จ.ตรัง
แต่ฝ่ายหญิงพยายามขัดขืน นายสายัณต์จึงชักอาวุธปืนที่เตรียมมายิงใส่ 2 นัด กระสุนถูกบริเวณขาและข้อเท้าขวา ก่อนพาตัวขึ้นรถหลบหนี แต่ถูกด่านตำรวจสกัดจนต้องยอมมอบตัวในที่สุด
สุดท้ายการตามงอนง้อขอความรักด้วยวิธีรุนแรงแบบนี้ก็ไม่เป็นผล เพราะต้องเข้าไปรับโทษตามกฎหมายบ้านเมืองด้วย 3 ข้อหาหนัก คือ 1.พยายามฆ่า 2.กักขังหน่วงเหนี่ยว และ 3.พกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต
ยังไม่รู้ว่าเมื่อพ้นโทษออกมา เมียสาวจะยอมใจอ่อนคืนดีให้ด้วยหรือไม่