คอลัมน์ สดจากสนามข่าว

อุดมเกียรติ ทิพย์ศรีกุล – เรื่อง/ภาพ

จังหวัดชลบุรี เมืองท่องเที่ยวอันดับหนึ่งของไทย โดยเฉพาะพัทยา เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก เมืองชายทะเลที่สวย งาม เต็มไปด้วยความสนุกสนาน หรูหราฟู่ฟ่า แต่ท่ามกลางความเจริญด้านวัตถุ จิตใจของผู้คนที่อาศัยอยู่บางส่วนหาได้เจริญตามไม่

ปัญหาเมาสุราทะเลาะวิวาท ฉกชิงวิ่งราว ปล้น ฆ่า หรือแม้แต่คดีข่มขืนใจ ผลัดกันมีให้เห็นเป็นข่าวหน้าหนึ่งอยู่เป็นประจำ แม้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะพยายามหาทางป้องกันเช่นไร แต่ก็เหมือนจะยังไม่ประสบผลตามเป้าที่หวัง

โดยเฉพาะคดีหญิงสาวถูกล่วงละเมิดทางเพศ ล่าสุดเมื่อตี 1 วันที่ 6 ธ.ค. ร.ต.อ.อนุพงษ์ พ่วงพี่ รองสารวัตรสอบสวน สภ.บางละมุง จ.ชลบุรี รับแจ้งจากชาวบ้านว่าพบผู้หญิงวัยรุ่น 2 คน บริเวณกลางซอย 10 สุขุมวิท-พัทยา ม.5 ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี คาดว่าจะถูกคนร้ายมอมเหล้าแล้วรุมโทรมก่อนนำมาทิ้งไว้

หลังรับแจ้งจึงไปตรวจสอบ พร้อมด้วย พ.ต.ท.อภิธนัน วัฒนวรางกูร รอง ผกก.สส.สภ.บางละมุง กำลังชุดสืบสวน เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างบริบูรณ์เมืองพัทยา

ในที่เกิดเหตุพบชาวบ้านกำลังช่วยเหลือ น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 17 ปี ที่อยู่ในอาการชักเกร็งตาค้าง และน.ส.บี (นามสมมติ) อายุ 14 ปี นอนหมดสติอยู่ เจ้าหน้าที่กู้ภัย ปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนเคลื่อนย้ายนำส่งร.พ.บางละมุง
3
เจ้าหน้าที่สอบถามพยานได้ความว่า พบทั้งคู่ถูกนำมาทิ้งตรงจุดเกิดเหตุ โดยน.ส.เอมีอาการเบลอ ยืนคุยกับต้นมะม่วงอยู่ ส่วนอีกคนนอนหมดสติอยู่กับพื้น จึงเข้าไปช่วยเหลือ พร้อมกับสอบถามเหตุการณ์ว่าเป็นมาอย่างไร

น.ส.เอเล่าว่า ถูกผู้ชายจำนวน 6 คน ขี่รถจักรยานยนต์ลักษณะบิ๊กไบก์คล้ายกัน 3 คัน พาไปดื่มเหล้ากันบริเวณริมหาดกระทิงลาย หลังจากนั้นเริ่มมีอาการเมามาย ชายวัยรุ่นทั้งหมดได้ร่วมกันข่มขืนกระทำชำเรา ก่อนจะนำมาปล่อยทิ้งไว้บริเวณจุดเกิดเหตุ

พยานคนเดิมให้การอีกว่า ตอนแรกก็ยังไม่ค่อยเชื่อคำพูดเท่าไหร่ เพราะสงสัยว่าอาจจะเมายาเสพติดจนเบลอ แต่ระหว่างที่พูดคุยอยู่มีชายวัยรุ่น 6 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์บิ๊กไบก์ ซึ่งลักษณะคล้ายกับตามที่ผู้เสียหายเล่าให้ฟัง นำโทรศัพท์มือถือและกระเป๋าเครื่องสำอางมาคืนผู้เสียหาย ก่อนจะพากันขับรถออกไป จึงคิดว่าน่าจะเป็นเรื่องจริง เลยรีบแจ้งตำรวจมาตรวจสอบดังกล่าว

ขณะเดียวกันหญิงสาวทั้ง 2 รายยังไม่สามารถให้การได้อย่างละเอียดมากนัก เนื่องจากอยู่ในอาการเมามายและสับสน ตำรวจจึงนำตัวส่งให้แพทย์ตรวจร่างกายเพื่อยืนยันว่าถูกข่มขืนกระทำชำเราจริงหรือไม่

หลังได้รับการรักษาจนอาการทุเลา เหยื่อสาวทั้งคู่ให้การว่า เป็นพี่น้องกัน โดยก่อนเกิดเหตุไปเดินเล่นที่สวนหย่อมหลังบ้านสุขาวดี ได้เจอกลุ่มเด็กแว้นจำนวน 5 คน ทราบชื่อเพียง 4 คน คือ นายปาย นายกบ นายยา และนายเก่ง จากนั้นได้นั่งกินเหล้าจนเมามาย ก่อนถูกพาไปข่มขืน จากนั้นจึงพามาส่งที่เดิม

ชุดสืบสวนใช้เวลาหาข้อมูลไม่นานก็ทราบตัวกลุ่มผู้ก่อเหตุ จึงขออนุมัติศาลจังหวัดพัทยาออกหมายจับผู้ต้องหาทั้งหมด กระทั่งสามารถติดตามรวบตัวได้ 4 รายอย่างรวดเร็ว

ทั้ง 4 รายประกอบด้วย นายสมชาย หรือ แบงค์ หย่านะ อายุ 22 ปี นายยอดยิ่ง หรือ ยอด อ่องคำ อายุ 21 ปี นายวิทวัส หรือ กบ ตรงใจลาน อายุ 18 ปี นายเก่ง (นามสมมติ) อายุ 16 ปี และยังมีนายธนชัย หรือบู๊ เขียวชอุ่ม อายุ 18 ปี ที่ยังหลบหนีอยู่อีกราย ตำรวจได้แจ้งให้ญาติติดต่อพาเข้ามามอบตัว

บ่ายวันที่ 7 ธ.ค.พล.ต.ต.สมประสงค์ เย็นท้วม ผบก.ภ.จว.ชลบุรี พ.ต.อ.จักรทิพย์ พาราพันธสกุล ผกก.สภ.บางละมุง พ.ต.ท.ดรัณภพ สระทองอยู่ รอง ผกก.ป. พ.ต.ท.อภิชัย วัฒนวรางกูร รอง ผกก.สส. พ.ต.ต.ปริญญาวุฒิ คุรุการโกศล สว.สส. พร้อมชุดสืบสวน นำตัว 3 ใน 4 ผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพยังจุดเกิดเหตุที่ใช้เวลาประมาณ 20 นาทีจึงแล้วเสร็จ
2
นายสมชาย หรือ แบงก์ ให้การว่า ในคืนวันเกิดเหตุกลุ่มของพวกตนรวม 5 คนไปพบ น.ส.เอ และ น.ส.บี ที่ชายหาดกระทิงลาย ในซอยสุขุมวิท-พัทยา 8 หลังบ้านสุขาวดี ก่อนที่จะทำความรู้จักกัน

สาวคนพี่อ้างว่าโทรศัพท์แบตฯ หมดไม่สามารถติดต่อคนที่บ้านให้มารับได้ ตนเลยชวนนั่งกินเหล้า ก่อนจะชักชวนกันไปมีอะไรกันที่เต็นท์รถมือสอง ที่ตนทำงานอยู่โดยไม่ได้บังคับขืนใจแต่เจ้าตัวยินยอมเอง หลังจากเสร็จกิจจึงพามาส่งที่เดิมที่เพื่อนๆ นั่งดื่มสุรารออยู่ แล้วออกไปรับแฟนที่ย่านจอมเทียนและไม่ได้กลับมาอีก

ส่วนนายวิทวัส หรือกบ ให้การสารภาพว่า หลังจากที่ นายสมชาย พา น.ส.เอ มาส่ง พวกตนนั่งดื่มสุราอยู่สักพักจึงพา 2 สาวพี่น้องไปที่เต็นท์รถ ก่อนที่ตนกับนายบู๊จะชักชวน 2 สาวไปร่วมหลับนอนในห้องพักของนายสมชาย และห้องของนายยอดยิ่ง

ขณะที่นายยอดยิ่งกับนายจักรินทร์นั่งดื่มสุรารอเท่านั้นไม่ได้ทำอะไร จากนั้นพวกตนพาทั้งคู่มาส่งไว้ที่กลางซอย 10 ถนนสุขุมวิท-พัทยา จนมาถูกจับกุมดังกล่าว

เบื้องต้นทั้งหมดถูกแจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันพรากผู้เยาว์และร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ปีโดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม ก่อนส่งตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมาย

ปัญหาข่มขืนนอกจากหญิงสาวต้องป้องกันตัวเอง ไม่พาตัวไปอยู่ในที่เสี่ยงอันตราย ที่เปลี่ยว แต่อีกทางหนึ่งต้องแก้ที่ตัวต้นเหตุ ต้องปรับทัศนคติเพศชาย ไม่ให้เห็นผู้หญิงเป็นเหมือนเครื่องบำบัดอารมณ์เพศ

ปลูกฝังเยาวชนรุ่นใหม่เสียตั้งแต่ยังเล็กๆ โตขึ้นจะได้ไม่กลายเป็นขยะสังคม ส่วนที่เกินเยียวยาแล้วคงต้องยกให้เป็นหน้าที่ของ ตร.ไล่จับกันต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน