อนงค์ วงศ์ช่วย – สราวุฒิ ศรีเพ็ชรสัย – เรื่อง/ภาพ

รูปแบบวิธีการส่งยาเสพติดของขบวนการค้ายา ล้วนพยายามพัฒนาช่องทางต่างๆ ให้หลากหลาย เพื่ออำพรางสายตาเจ้าหน้าที่ตำรวจ เหตุผลอีกอย่างก็เพื่อตัดตอน ไม่ให้ตำรวจสาวต่อมาถึงต้นตอหัวโจกขบวนการได้โดยง่าย

พลันที่ขบวนรถไฟสายใต้ ขบวนรถด่วนพิเศษ 41 กรุงเทพฯ-ยะลา เดินทางมาถึงสถานีรถไฟจังหวัดยะลา เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจรถไฟ ซึ่งซุ่มรอดูอยู่ก็เห็นชายคนหนึ่งเดินมาติดต่อรับของ เจ้าหน้าที่ซึ่งรออยู่ต่างลุ้นกันจนตัวโก่งว่าจะใช่กล่องใส่จอทีวีขนาด 40 นิ้ว ซึ่งเป็นเป้าหมายที่รอคอยอยู่หรือไม่

เพียงชั่วอึดใจ ชายดังกล่าวก็หยิบกล่องจอทีวีหันหลัง รีบเดินออกจากสถานีรถไฟ เจ้าหน้าที่ซึ่งเฝ้าจับตารอดูอยู่ จึงแสดงตัวเข้าจับกุมเอาไว้ได้ พร้อมของกลางยาเสพติดมูลค่าถึง 24 ล้านบาท ที่ถูกซุกซ่อนมาในกล่องจอทีวี

ปฏิบัติการจับกุมครั้งนี้เริ่มต้นขึ้น เมื่อค่ำวันที่ 12 ส.ค. เมื่อพ.ต.ท.ชาญศราวุธ แสงอรุณ สารวัตรสถานีตำรวจรถไฟหาดใหญ่ กองกำกับการ 3 กองบังคับการตำรวจรถไฟ รับแจ้งจากอส.รถไฟ ประจำขบวนรถด่วนพิเศษ 41 กรุงเทพฯ-ยะลา ว่าพบกล่องต้องสงสัยวางไว้ที่ตู้ 2 ตรงเก้าอี้ 72 โดยไม่ทราบว่าใครเป็นเจ้าของ จึงนำมาแกะพิสูจน์ดูภายใน ก่อนพบเป็นยาบ้าจำนวน 2 แสนเม็ดซุกซ่อนอยู่เต็มกล่อง

หลังรับรายงาน พ.ต.ท.ชาญศราวุธ พร้อมร.ต.ต.เติมเต็ม กีตา รองสารวัตรสถานีรถหาดใหญ่ นำกำลังร่วมกับ อส.รถไฟหาดใหญ่ ร่วมสอบสวนเหตุการณ์ กระทั่งได้ข้อมูลว่า มีชายคนหนึ่งนำขึ้นรถไฟมาจากสถานีรถไฟบางซื่อ โดยวางไว้ที่ตู้ 2 ตรงเก้าอี้ 72 และเมื่อมาถึงสถานีรถไฟทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช ชายคนนี้ได้ลงจากรถ และวางกล่องกระดาษที่ใส่ยาบ้าเอาไว้ กระทั่ง อส.รถไฟหาดใหญ่ ประจำขบวนรถพบพิรุธ และเข้าตรวจสอบดังกล่าว

ตํารวจเชื่อว่านี่อาจเป็นวิธีการส่งยาแบบใหม่ของกลุ่มขบวนการค้ายาเสพติด ซึ่งเชื่อว่าเมื่อถึงสถานีใดสถานีหนึ่ง จะต้องมีคนมารับยาบ้าล็อตดังกล่าวไปต่อ จึงวางกำลังเฝ้าดูอยู่ กระทั่งขบวนรถเดินทางมาถึงปลายทาง ที่สถานีรถไฟยะลา จนนำมาสู่การจับกุมผู้ต้องหาพร้อมยาบ้าล็อต ดังกล่าว

จากการสอบสวนชายผู้ต้องหาให้การว่าตนเองเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจยศสิบตำรวจโท ชื่อ ส.ต.ท.วีรยุทธ ฉางแก้ว ตำรวจสังกัดหน่วยปฏิบัติการพิเศษตำรวจภูธรยะลา เจ้าตัวให้การเบื้องต้นว่า มีเพื่อนเป็นทหารพรานในพื้นที่ จ.นราธิวาส ขอให้มารับของที่ฝากมากับรถไฟขบวนนี้ โดยได้รับค่าจ้างเป็นเงิน 1 แสนบาท แต่ไม่ได้บอกว่าของที่ให้มารับเป็นอะไร

กระทั่งมาทราบว่าเป็นยาบ้า ก็เมื่อถูกเจ้าหน้าที่เข้าจับกุมขณะรับของ แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่ได้ปักใจเชื่อคำให้การของส.ต.ท.วีรยุทธ เนื่องจากพบพิรุธหลายอย่าง โดยเชื่อว่าผู้ต้องหามีส่วนเกี่ยวข้องกับยาบ้าดังกล่าว หรืออาจเคยก่อเหตุมาแล้วมากกว่า 1 ครั้ง อีกทั้งด้วยค่าจ้างที่เจ้าตัวบอกว่าได้ถึง 1 แสนบาท จึงเป็นไปไม่ได้ที่เจ้าตัวจะไม่รู้ว่าเป็นสิ่งผิดกฎหมาย

พ.ต.ท.ชาญศราวุธเผยว่า หลังจากนี้จะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการปราบปรามยาเสพติดมาสอบสวนขยายผลต่อไป เพราะเชื่อว่าเป็นขบวนการใหญ่ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ร่วมด้วย

ขณะที่ตำรวจภูธรจังหวัดยะลา มีคำสั่งตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง และมีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน พร้อมตั้งคณะกรรมการสอบ ข้อเท็จจริง ผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น เนื่องจากปล่อยปละละเลยให้ผู้ใต้บังคับบัญชาไปกระทำความผิด

อีกคดีพล.ต.ต.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผบก.สปพ. สั่งการให้ พ.ต.อ. สำราญ นวลมา รองผบก.สปพ. พร้อมด้วย พ.ต.อ.สมบูรณ์ เทียนขาว ผกก.สายตรวจ 191 พ.ต.ท.วสันต์ ธวัชชัยวิรุตษ์ รอง ผกก.สายตรวจ 191 ร.ต.อ.วุฒิชัย บุญยู้ รอง สว.งานสายตรวจ 3 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ จับกุมเครือข่ายค้ายาเสพติดผ่านสื่อออนไลน์

โดยสามารถจับกุมนายเบียร์ (สงวนนามสกุล) อายุ 18 ปี พร้อมของกลาง กล่องพัสดุไปรษณีย์ ภายในบรรจุกัญชาอัดแท่งขนาดต่างๆ 16 กล่อง กล่องพัสดุไปรษณีย์ ภายในบรรจุยาบ้าและไอซ์ 23 กล่อง พบยาไอซ์ ประมาณ 30 กรัม ยาบ้าประมาณ 4,000 เม็ด กัญชา ประมาณ 14 กิโลกรัม โดยจับกุมได้ที่ร้านส่งพัสดุเอกชนแห่งหนึ่ง ภายในซอยลาดพร้าว 101 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร

พ.ต.อ.สำราญเปิดเผยว่า สืบเนื่อง เจ้าหน้าที่ตำรวจ 191 ได้รับแจ้งข้อมูล ของเครือข่ายจำหน่ายยาเสพติดออนไลน์ บริเวณซอยลาดพร้าว 101 แยก 6 โดยมีพฤติการณ์เสนอขายให้กับลูกค้า ผ่านทางออนไลน์ และจัดส่งให้กับลูกค้าผ่านทางระบบขนส่งเอกชน วางแผนจับกุมโดยวางกำลังซุ่มตรวจสอบผู้ต้องสงสัยบริเวณร้านส่งพัสดุเอกชน จนสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ เมื่อวันที่ 10 ส.ค. เวลาประมาณ 17.00 น. ขณะนำยาเสพติดของกลางมาส่ง

สอบสวนนายเบียร์รับสารภาพว่าร่วมกับเพื่อนสมัยเรียนมัธยมต้นอีก 4 คน ที่อยู่ระหว่างหลบหนี ทำหน้าที่แบ่งกันรับยาเสพติดมาแบ่งบรรจุที่บ้านพัก โดยตนทำหน้าที่ส่งพัสดุได้ค่าจ้าง 500 บาท และจำหน่ายออนไลน์ให้กับลูกค้ามาตั้งแต่ช่วงต้นปี 2561 ที่ผ่านมา รวมส่งยาเสพติดให้กับลูกค้ามาแล้ว มากกว่า 1,000 กล่อง

“ตำรวจจะขยายผลตรวจยึดทรัพย์ และประสานข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. และเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่ปลายทางของพัสดุ เพื่อติดตามผู้ซื้อมาดำเนิคดีอีกทางด้วย” รองผบก.สปพ. กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน