พนม คงเจริญ – พิรยุทธ นิ่มนนท์ – อดิศร จิตตเสวี – เรื่อง/ภาพ

ย้อนไปเมื่อวันที่ 30 ก.ค. ตำรวจ สน.โชคชัย รับแจ้งจาก นายพิพัฒน์ ตั้งวิบูลย์พาณิชย์ ให้ช่วยตรวจสอบภายในห้องพักของโรงแรมหรูแห่งหนึ่ง ย่านลาดพร้าว ด้วยสงสัยว่า น.ส.ธิติมา ตั้งวิบูลย์พาณิชย์ อายุ 39 ปี หรือ เชอรี่ พี่สาวซึ่งเป็นกรรมการ ผู้จัดการ บริษัท มหาเกียรติ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และขนส่งรายใหญ่ รวมถึงเป็นเจ้าของกิจการปั๊มน้ำมันอีก 3 แห่ง และยังเป็นญาติพระเอกหนุ่มแบงค์ อาทิตย์ ตั้งวิบูลย์พาณิชย์ อาจถูกกักขังอยู่ในห้องพัก หลังครอบครัวไม่สามารถติดต่อเจ้าตัวได้

เมื่อเจ้าหน้าที่ขึ้นไปตรวจสอบยังห้องพักบนชั้นที่ 7 ก็ได้กลิ่นเหม็นโชยออกมาจากภายในห้อง เปิดประตูเข้าไป ก็พบศพหญิงสาวในสภาพสวมชุดนอนสีเขียว นั่งหน้าฟุบอยู่กับขอบเตียงนอน มีบาดแผลถูกตีบริเวณขมับขวาจนกะโหลกศีรษะยุบ บนเตียงนอนมีไม้เบสบอลเปื้อนเลือดตกอยู่ จากการตรวจสอบยังพบว่ารถเบนซ์ รุ่นอี 220 ของผู้ตายหายไป

พ.ต.อ.สุพล ค้ำชู ผกก.สน.โชคชัย สอบสวนนายพิพัฒน์ ทราบว่าเมื่อวันที่ 27 ก.ค. มีพัสดุส่งถึงพี่สาวและต้องเซ็นรับ จึงพยายามโทรศัพท์ติดต่อหา ปรากฏว่ากลายเป็น นายอัศยา ชัยภา หรือ โก้ อายุ 33 ปี ลูกน้องสนิทของพี่สาวรับสายแทน บอกว่าพี่สาวไปทำธุระ เมื่อติดต่อไปอีกครั้งกลับปิดเครื่อง ซึ่งปกติแล้วพี่สาวไม่เคยให้ใครรับสายแทน และไม่มีทางจะปิดเครื่องแน่นอน จึงสงสัยว่ามีบางอย่างผิดปกติ จึงพยายามทุกวิถีทางที่จะติดตาม จนทราบว่านายโก้มีห้องพักที่โรงแรมดังกล่าว จึงมาตรวจสอบก่อนจะพบว่าพี่สาวถูกฆ่าตายไปแล้ว

ตำรวจตรวจกล้องวงจรปิดของโรงแรมพบว่า กลางดึกวันที่ 26 ก.ค. ผู้ตายเดินมากับนายโก้ ก่อนที่ทั้งคู่จะหายเข้าไปในห้อง กระทั่งเช้าวันรุ่งขึ้น เห็นนายโก้เดินหอบของออกมาจากห้องเพียงลำพัง จากนั้นลงไปขับรถเบนซ์ของผู้ตายออกจากโรงแรมหายไป

เมื่อไล่ตรวจสอบมือถือไฮโซสาวพบว่า เมื่อวันที่ 26 ก.ค. เจ้าตัวติดต่อในกลุ่มไลน์ พูดคุยกับเพื่อนร่วมงานญาติพี่น้องบอกว่าจะไปไซต์งาน ต่อมาวันที่ 27 ก.ค. เลขาฯ ผู้ตายพยายามติดต่อทางไลน์ เพื่อจะเบิกค่าน้ำมันแต่ไม่มีการตอบกลับ จึงได้โทร.หาโดยนายโก้เป็นคนรับสาย ระบุว่าเชอรี่ติดธุระให้ส่งเบอร์บัญชีมา

ต่อมาเวลา 11.00 น. วันเดียวกันเลขาฯ ได้โทร.หาอีกครั้ง นายโก้เป็นคนรับสายเช่นเดิมก่อนบอกว่าเชอรี่ไปไซต์งาน ต่อมาเวลา 14.00 น. เลขาฯ โทรศัพท์อีกครั้งนายโก้ก็บอกว่าเชอรี่ไปทำบุญ จากนั้น เวลา 15.00 น. เลขาฯ โทร.อีกครั้ง แต่โทรศัพท์ปิดเครื่อง จึงโทร.เข้ามือถือของนายโก้ โดยเจ้าตัวรับและบอกว่า “รีบอยู่จะไปญี่ปุ่น” วันที่ 28 ก.ค. โทรศัพท์ทั้งสองคนปิดเครื่องไม่สามารถติดต่อได้อีก วันที่ 29 ก.ค. ทางบ้านจึงไปแจ้งความที่ สน.โชคชัย

นอกจากนี้ยังพบว่า ก่อนพบศพมีการถอนเงิน 2.5 แสนบาท จากบัญชีของผู้ตาย เจ้าหน้าที่รวบรวมพยานหลักฐาน ขออนุมัติศาลออกหมายจับนายโก้ ในข้อหาฆ่าโดยเจตนาและลักทรัพย์ ขณะที่สาเหตุเชื่อว่ามาจากเรื่องเงินๆ ทองๆ

ขณะที่ญาติๆ ต่างเชื่อว่านายโก้วางแผนฆ่าเชอรี่ เพราะถูกจับได้ว่ามาหลอกลวงเงินไปเป็นจำนวนมาก

กระทั่งเมื่อวันที่ 1 ส.ค. ตำรวจพบรถเบนซ์ของผู้ตายจอดอยู่ภายในลานจอดเอกชน ใกล้กับจุดผ่านแดนถาวรบ้านผักกาด ต.คลอง ใหญ่ อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ชุดสืบสวนกก.สส.บก.น.4 ตรวจสอบหาข้อมูลเพิ่มเติมจนพบภาพนายโก้กับน้องชาย เดินอยู่ในโรงแรมซึ่งเปิดเป็นกาสิโน ที่ฝั่งประเทศกัมพูชา

นายอำนวย วิชัยโชติ อายุ 66 ปี บิดาของ ผู้ตาย เผยในงานฌาปนกิจศพลูกสาวเมื่อวันที่ 5 ส.ค. ที่วัดบางบัว ว่าเคยเจอนายโก้ที่บริษัทลูกสาว ซึ่งตนเห็นแล้วก็รู้สึกไม่ถูกชะตา เตือนลูกสาวก็ไม่ยอมฟัง หลังเกิดเหตุก็พบว่า นายโก้มีครอบครัวแล้ว แต่ที่ทิ้งภรรยามาอยู่กับ ลูกสาวตน ก็เชื่อว่าต้องการทรัพย์สินเงินทองของลูกสาว

“ความรู้สึกของผมตอนนี้คืออยากจะเอาตัวคนร้ายมาลงโทษ นอกเหนือไปจากการดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมแล้ว ใจจริงอยากจะให้โดนเหมือนที่ลูกสาวโดนด้วย ให้สาสมกับการกระทำผิด” นายอำนวยกล่าว

ขณะที่ชาวชุมชนริมคลองลาดพร้าว ซึ่งทางบริษัทของผู้ตายเข้ามาช่วยเหลือ รับก่อสร้างบ้านให้ในราคาถูก ต่างแห่มาร่วมอาลัย และเรียกร้องให้จับกุมคนร้ายให้ได้โดยเร็ว

แม้เจ้าหน้าที่จะระดมกำลังติดตามอย่างเต็มที่ แต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ คงได้แต่คอยเอาใจช่วย พร้อมกับจับตาดูกันต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน