อุดมเกียรติ ทิพย์ศรีกุล – เรื่อง/ภาพ

สังคมไทยเริ่มอยู่ยากขึ้นทุกวัน เพราะคนใกล้ชิดขนาดพี่น้องท้องเดียวกันยังไว้วางใจไม่ได้ เมื่อพี่ชายต่างบิดาบุกบ้านหวังขืนใจน้องสาวร่วมอุทร

คดีสลดเหตุนี้เกิดขึ้นในช่วงเย็นวันที่ 14 ส.ค.ที่ผ่านมา เมื่อร.ต.อ.โรมรัน ศรีไกรภักดิ์ รอง สว.สอบสวน สภ.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี รับแจ้งมีคนร้ายก่อเหตุลักทรัพย์และพยายามจะขืนใจหญิงสาว

เหตุเกิดที่หมู่บ้านหรูแห่งหนึ่งใน อ.บางละมุง จ.ชลบุรี จึงรีบรายงาน พ.ต.อ.ชิตเดชา สองห้อง ผกก.สภ.หนองปรือ ก่อนนำตำรวจชุดสืบสวนไปตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุเป็นบ้านพักชั้นเดียว ปลูกสร้างอย่างหรูหราบนเนื้อที่ 118 ตร.ว. และมีรั้วรอบขอบชิด

พบหญิงสาวอายุ 18 ปี ลูกสาวของเจ้าของบ้าน และเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 1 มหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ยืนรอขอความช่วยเหลืออยู่ ในสภาพตาข้างขวาถูกหยอดด้วยกาวตราช้างจนปิดสนิท จึงรีบช่วยนำส่งรักษาที่โรงพยาบาล แพทย์ช่วยรักษาจนปลอดภัย

มารดาของเหยื่อสาวให้การว่า ก่อนเกิดเหตุ เธอออกไปทำธุระนอกบ้านปล่อยให้ลูกสาวเฝ้าบ้าน อยู่กับนายมาโนชญ จิตยิ้ม อายุ 29 ปี ลูกชายคนโต ซึ่งเกิดกับสามีคนแรก ที่เพิ่งมาขอพักอาศัยชั่วคราวเนื่องจากต้องมาทำงานรับจ้างตอกเสาเข็มงานก่อสร้างที่เมืองพัทยา

จู่ๆ ลูกชายคนโตโทรศัพท์มาบอกว่าน้องสาวถูกโจรจับมัดและใช้กาวหยอดที่ตาจนบาดเจ็บ จึงรีบกลับมาบ้านและพบลูกสาวอยู่ในสภาพร่ำไห้ เพราะยังตื่นตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

เบื้องต้นสาววัย 18 ปี ผู้เสียหายให้การว่า ขณะนอนหลับตั้งแต่ตอนเที่ยงของวันเกิดเหตุ รู้สึกมีของเหลวร้อนๆ มาโดนที่ตาขวา จึงพยายามลืมตาและลุกขึ้นดู

แต่ลุกไม่ได้ เพราะคนร้ายรูปร่างสูงใส่เสื้อยืดไม่ทราบสี นุ่งกางเกงขาสามส่วน สวมหมวกไหมพรมปิดบังใบหน้าคล้ายคนงานก่อสร้าง นั่งคร่อมที่บริเวณลำตัวของตน

ก่อนเอาผ้านวมมาคลุมที่หัวตน ซึ่งคนร้ายนั้นพูดจาไม่รู้เรื่อง พูดเป็นคำๆ ลักษณะคล้ายคนงานต่างด้าว

ก่อนต่อยเข้าที่ท้อง 1 ครั้ง แล้วใช้เสื้อชั้นในของตนมัดมือ และใช้สายชาร์จโทรศัพท์มือถือมัดเท้า

กระทั่งคนร้ายทำท่าว่าจะลงมือข่มขืน ตนจึงยกมือไหว้อ้อนวอนขอร้อง และบอกว่าอยากได้ทรัพย์สินอะไรก็ให้เอาไป ทำให้คนร้ายเกิดเปลี่ยนใจ หันไปคว้าเอาโทรศัพท์มือถือไอโฟน 7 พลัส ก่อนหลบหนีไป

จากนั้นไม่นานตนสามารถแก้มัดได้ด้วยตัวเอง จึงออกมาขอความช่วยเหลือ และพบพี่ชายต่างบิดาที่ขับรถจยย.กลับจากซื้อของพอดี จึงโทรศัพท์แจ้งให้มารดาทราบ และแจ้งตำรวจดังกล่าว

พอลับหลังพี่ชาย สาวผู้เสียหายแอบกระซิบบอกตำรวจด้วยความหวาดกลัวว่า เธอสงสัยในตัวพี่ชายต่างบิดา เพราะแม้จะไม่ทันเห็นใบหน้าคนร้าย เนื่องจากถูกจู่โจมหยอดตาด้วยกาวร้อนชนิดไม่ทันได้ตั้งตัว แต่เธอยังสังเกตเห็นว่า กางเกงของคนร้ายคล้ายกับตัวพี่ชายของเธอเองสวมอยู่!!?

ตำรวจจึงล็อกตัวนายมาโนชญไว้ในทันที

หลังถูกตำรวจเค้นสอบอยู่นานกว่า 2 ชั่วโมง ในที่สุดนายมาโนชญก็ยอมเปิดปากรับสารภาพว่า คือคนร้ายตัวจริงที่ก่อเหตุกับน้องสาวของตัวเอง

เพราะเห็นว่าน้องหน้าตาดี ประกอบกับก่อนหน้านี้ได้เสพยาบ้าและดื่มเบียร์จนเมา ทำให้เกิดอารมณ์ทางเพศ จึงวางแผนเผด็จศึกด้วยการหาหมวกไหมพรมมาสวมปิดบังใบหน้า

แต่น้องสาวขอร้องไม่ให้ล่วงละเมิดทางเพศทำให้เกิดได้สติ คว้าโทรศัพท์ติดมือไปแล้วรีบขับขี่มอเตอร์ไซค์ หนีไป

ก่อนทิ้งช่วงเวลาสักพักแล้วขับย้อนกลับมาบ้านทำทีว่าเพิ่งกลับจากทำธุระ แต่สุดท้ายก็ไม่รอด

พ.ต.อ.ชิตเดชาเปิดเผยว่า ผู้เสียหายมีไหวพริบปฏิภาณ ที่สามารถจดจำลักษณะตำหนิต่างๆ ของคนร้ายได้

เมื่อรู้ตัวผู้ต้องสงสัย เจ้าหน้าที่มุ่งเป้าไปที่ผู้ต้องหา จากการตรวจสอบจึงพบคราบกาวที่มือ ซึ่งสัมพันธ์กับพฤติกรรมการก่อเหตุของคนร้าย

นอกจากนี้ ภาพวงจรปิดพบว่ามีเพียงผู้ต้องหาที่เดินเข้าออกบริเวณบ้านเพียงคนเดียว และไม่พบร่องรอยการงัดแงะบริเวณอื่น

หลังจากนำตัวผู้ต้องหาไปสอบเค้นจึงสารภาพในที่สุด

ยังมีเรื่องที่น่าเศร้าเข้าไปอีก เพราะก่อนหน้านี้ไม่นานพี่ชายหื่นรายนี้เพิ่งถูกจับคดีเสพยา ก็เป็นน้องสาวคนนี้เองที่ไปเซ็นรับรองขอประกันตัวออกมา ซึ่งเจ้าตัวก็พร่ำพูดอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ว่าเป็นหนี้บุญคุณของน้องสาวต่างบิดา แต่กลับมา ก่อเหตุโดยไม่ยั้งคิด

ครั้งนี้คงต้องติดคุกไปอีกนาน เพราะคงไม่มีใครกล้าไปประกันตัว ด้วยเกรงว่าจะ “ทำคุณบูชาโทษโปรดสัตว์ได้บาป” ก่อเภทภัยให้แก่ตัวเอง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน