ณัฏฐนันท์ ศิริสันติวรกุล – อนุชา แก้วคำมา – เรื่อง/ภาพ

เพียงแค่ระยะเวลาไม่ถึง 1 ปี ปรากฏเครือข่ายยาเสพติดเครือข่ายหนึ่งที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว อาศัยช่องทางการสื่อสังคมออนไลน์ โดยเฉพาะทางเฟซบุ๊ก เครือข่าย ยานรกดังกล่าวชื่อว่า “มันทุกเม็ด”

ชื่อของแก๊ง “มันทุกเม็ด” เป็นที่จับตาของตำรวจและสังคม หลังมีสมาชิกในแก๊งรุมทำร้าย 2 หนุ่ม ก่อนใช้ปืนจ่อหัว ถ่ายคลิปโชว์เฟซบุ๊ก โทษฐานที่เบี้ยวเงินค่ายาบ้า

สำหรับเครือข่ายยาเสพติดรายนี้ มีนายปัณณวิชญ์ ประทุม เป็นตัวการใหญ่ เปิด เฟซบุ๊กว่า “ก.โก้ มันทุกเม็ด” โดยมีนายชาติชาย พิมพบุตร และนายมารุจณ์ มาตุรินทร์ เปิดเฟซบุ๊กว่า “ก.กล้วย มันทุกเม็ด” โดยทั้ง 3 คน อยู่ในฝั่งชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน ใช้เฟซบุ๊กในการติดต่อจำหน่ายยาเสพติด โดยผ่านนายชายชนะ หลิมเจริญ กับ น.ส. พรรนิภา บัวงามดี ซึ่งเป็นสามีภรรยากัน เปิดเฟซบุ๊ก ว่า “ดีกว่าพี่ ก็พระแล้วน้อง”

ทั้ง 2 คน มีหน้าที่วางงานและเก็บงาน ขณะนี้อยู่ระหว่างหลบหนี นอกจากนั้นยังมีการเปิดเฟซบุ๊กของเครือข่ายในจังหวัดต่างๆ อีกด้วย อาทิ เจ้าพ่อโคราช มันทุกเม็ด, เจ้าพ่อบุรีรัมย์ มันทุกเม็ด, สายชล มันทุกเม็ด สุพรรณบุรี, เมืองแพร่ มันทุกเม็ด, ร้อยเอ็ด มันทุกเม็ด ฯลฯ

เช้าวันที่ 27 ส.ค. พล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข ผบช.ปส. พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท. นำกำลังตำรวจ เปิดปฏิบัติการชัยยะสยบไพรี 61/7 พร้อมกำลังคอมมานโด กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) นำหมายศาลบุกจับกุมนายรุ่งโรจน์ จิรัฐิติกาลพันธุ์ ผู้ต้องหาตามหมายจับฐานฟอกเงินเกี่ยวกับยาเสพติด และอั้งยี่ ภายในโรงงานจำหน่ายยางรถยนต์ ล้อแม็กซ์ และอุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์ อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ก่อนยึดทรัพย์ทั้งตัวโรงงานและทรัพย์สินที่อยู่ภายในโรงงานทั้งหมด

พล.ต.ท.สมหมายเปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากตำรวจสืบทราบว่า นายรุ่งโรจน์ ได้รับโอนเงินจากเครือข่ายยาเสพติด “มันทุกเม็ด” ก่อนนำมาเงินมาฟอกผ่านธุรกิจซื้อขายยางรถยนต์ และอุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์ โดยมีเงินหมุนเวียนในบัญชี ปีละไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท

เครือข่าย “มันทุกเม็ด” เป็นเครือข่ายยาเสพติดขนาดใหญ่ ที่มีการลักลอบจำหน่ายยาเสพติดผ่านโซเชี่ยลมีเดีย ซึ่งในช่วงระยะเวลา 1 ปี มีการขยายเครือข่ายไปกว่า 30 จังหวัด สมาชิกกว่า 9,000 คน และมีบัญชีผู้ใช้งานเฟซบุ๊กที่เกี่ยวข้องอีกหลายหมื่นบัญชี

โดยเครือข่ายยาเสพติดนี้ จะจำหน่ายยาเสพติดโดยใช้วิธีการเดียวกันกับการทำธุรกิจขายตรง ที่มีโฆษณาหาลูกค้าผ่านช่องทาง เฟซบุ๊ก หรือไลน์ พร้อมมีแม่ข่ายกระจายตัวอยู่ตามจังหวัดต่างๆ หากต้องการเข้าร่วมให้ส่งบัตรประชาชนพร้อมที่อยู่ปัจจุบันให้กับแม่ข่าย ก่อนให้รับยาเสพติดไปจำหน่าย และมีการเรียกเก็บภายหลัง แต่หากไม่จ่ายเงินจะมีชุดติดตามทวงหนี้เข้าดำเนินการ ซึ่งบางครั้งจะมีการทำร้ายร่างกาย

ข้อมูลทางการสืบสวนของตำรวจ พบว่าเงินจากการค้ายาเสพติดของเครือข่ายนี้ จะถูกแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ 1.ส่งคืนให้กับหัวหน้าขบวนการค้ายาเสพติดภาคเหนือ 2.นำไปปล่อยกู้นอกระบบ และ 3.ฟอกเงินผ่านธุรกิจจำหน่ายยางรถยนต์และอุปกรณ์ตกแต่งที่เข้าจับกุมในวันนี้ รวมทั้งที่ จ.พิษณุโลก อีก 2 แห่ง

โรงงานทั้งหมดที่ตำรวจเข้าจับกุม พบว่าจะมีการจำหน่ายยางในราคาต่ำกว่าท้องตลาดกว่าเท่าตัว เพื่อให้จำหน่ายสินค้าให้ได้จำนวนมาก สอดคล้องกับบัญชีเงินหมุนเวียนที่ผิดปกติ สำหรับหัวหน้าแก๊งมันทุกเม็ด หลังถูกตำรวจออกหมายจับ พบว่าได้หลบหนีไปกบดานอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน กับเครือข่าย “หมื่นจะดา” ซึ่งเป็นผู้ส่งยาเสพติดโดยตรงให้กับเครือข่ายนี้

ด้าน พล.ต.ต.วุฒิพงศ์ เพ็ชรกำเนิด ผบก.ปส.3 เปิดเผยว่า จากการตรวจค้นบ้านพักของนายรุ่งโรจน์ ที่บ้านหลังหนึ่งย่านพุทธมณฑล สาย 5 พบเพียงภรรยาของนายรุ่งโรจน์อยู่ภายในบ้าน ซึ่งภรรยาได้ออกมาปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวข้องและไม่ได้กระทำความผิด ตำรวจจึงต้องใช้เวลาในการเจรจาภรรยานายรุ่งโรจน์ จึงยอมเปิดบ้านให้ตำรวจเข้าตรวจค้น

มีรายงานว่า ตำรวจได้สืบสวนประวัตินายรุ่งโรจน์ ย้อนกลับไป 4 ถึง 5 ปีก่อน พบว่าได้ประกอบธุรกิจขนาดเล็ก เปิดขายโทรศัพท์มือถือ และส่งอะไหล่รถยนต์ แต่ภายในระยะเวลาเพียง 4-5 ปี กลับมีเงินหมุนเวียนหลักร้อยล้านบาท

ตัดไปที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 6 (กก.สส.ภ.6) อ.เมือง จ.พิษณุโลก พล.ต.ท.ทวิชชาติ พละศักดิ์ ผบช.ภ.6 ก็นำทีมแถลงผลจับกุมเครือข่าย “แก๊งมันทุกเม็ด” ในพื้นที่ได้ผู้ต้องหา 14 ราย, รถยนต์ 14 คัน, รถจักรยานยนต์ 5 คัน, ตรวจยึดและอายัดทรัพย์สินต่างๆ รวมมูลค่า 77.5 ล้านบาท, ยาบ้า 328,900 เม็ด, ไอซ์ 80 กรัม มูลค่ากว่า 60 ล้านบาท รวมทั้งสิ้น 137.5 ล้านบาท

โดยเป้าหมายหลักอยู่ที่ร้านแม็กซ์ยางต้นหว้า ต.ท่าทอง อ.เมือง จ.พิษณุโลก และร้านแม็กซ์ยางแยกอินโดจีน ต.สมอแข อ.เมือง จ.พิษณุโลก ซึ่งเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างตรวจหาเส้นทางการเงิน ว่าจะเกี่ยวข้องเชื่องโยงกับร้านแม็กซ์ยางของนายรุ่งโรจน์ ที่ทาง ตร.ปส.จับกุมหรือไม่

ตำรวจฝากเตือนถึงผู้ที่ยังมีพฤติกรรมค้ายานรกอยู่ว่าให้เลิกเสีย เพราะเมื่อถูกจับเงินทองทรัพย์สินที่ได้มา ก็ต้องถูกตามยึดจนหมดสิ้น สุดท้ายแล้วก็จะไม่เหลืออะไรเลย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน