คอลัมน์ สดจากสนามข่าว

พุฒิสรรค์ แก้วบัวดี – เรื่อง/ภาพ

สถานเสริมความงามนับวันผุดขึ้นอย่างกับดอกเห็ด โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็น หญิงสาวที่ต้องการเสริมเติมแต่ง

แต่มีคนบางกลุ่มอาศัยช่องทางนี้เข้ามาหาผลประโยชน์ด้วยการเปิด ‘คลินิกเถื่อน’ โดยไม่คำนึงถึงผลที่ตามมาของลูกค้าที่ใช้บริการ

บางรายถึงขั้นเสียโฉมหน้าเบี้ยว หรือ บางรายอาจร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตก็มี

เช่นเดียวกับคลินิกเถื่อนล่าสุดที่พบลักลอบเปิดกลางกรุง เมื่อมีเหยื่อสาว 15 รายที่เข้าไปใช้บริการแล้วเสียโฉม เดินทางมาร้องเรียนกับพ.ต.อ.ปพณพัชร์ ตั้งจิตจารุพัชร์ ผกก.สน.บางยี่เรือ เมื่อวันที่ 1 ธ.ค.ที่ผ่านมา

โดยแต่ละคนเข้าไปใช้บริการคลินิกดังกล่าว ทั้งดูดไขมัน เสริมหน้าอกและศัลยกรรมใบหน้า

แต่เมื่อทำออกมาแล้วกลับมีผลข้างเคียง บางคนมีบาดแผลที่ไม่ได้เกิดจากการศัลยกรรมจนใบหน้าเสียโฉม หรือใช้บริการดูดไขมันที่ขา แต่กลับรู้สึกชา หน้ามืดและ ชักกระตุก

เมื่อสอบสวนพบลูกค้าทั้งหมดใช้บริการสถานเสริมความงามแห่งเดียวกัน จึงสงสัยว่าอาจเป็นคลินิกเถื่อนที่ลักลอบเปิดโดยผิดกฎหมาย

หลัง พ.ต.อ.ปพณพัชร์ ได้ข้อมูลจากเหยื่อสาวที่เข้าให้ข้อมูล จึงรายงานให้ พ.ต.อ.สัมฤทธิ์ ตงเต๊า รรท.ผบก.น.8 รับทราบ

4

ก่อนนำกำลังเจ้าหน้าที่พร้อมพ.ต.ท.สามารถ เนียมสร้อย และพ.ต.ท.เอกลักษณ์ หมวกผัน สว.สส.สน.บางยี่เรือ เข้าตรวจค้นคลินิกวีเมค ตั้งอยู่เลขที่ 367 หมู่ 7 ถนนราชพฤกษ์ แขวงบางยี่เรือ เขตธนบุรี กทม.

แต่พบคลินิกดังกล่าวถูกปิดไว้ เมื่อตรวจสอบด้านในก็ไม่พบอุปกรณ์เสริมความงาม คาดอาจไหวตัวและหลบหนีไปก่อนเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้น

ทีมสืบสวนจึงกลับมารวบรวมหลักฐานแล้วขอศาลอนุมัติหมายจับนายโอภาส เจริญวิทย์ อายุ 23 ปี และน.ส.ณัฐชานันท์ พิทักษ์ชัยกร อายุ 25 ปี เจ้าของ คลินิกดังกล่าว จากนั้นกระจายกำลังออกติดตามไล่ล่าตัว

กระทั่งวันที่ 17 ธ.ค. พ.ต.อ.ปพณพัชร์ นำกำลังเข้าล็อกตัว นายโอภาส และ น.ส.ณัฐชานันท์ ได้บริเวณลานจอดรถของคอนโดฯ ย่านบุคคโล จึงนำตัวมาเค้นสอบ

5

ก่อนพ.ต.อ.สัมฤทธิ์ ตงเต๊า เผยถึงการจับกุมว่า มีเหยื่อสาวหลายรายที่ใช้บริการคลินิกเสริมความงามแล้วได้รับผลข้างเคียง บางรายถึงขั้นเจ็บป่วยและหลายรายหน้าอกเกิดปัญหา

เมื่อลูกค้าติดต่อขอให้คลินิกแก้งานและรักษากลับถูกเรียกเก็บเงินเพิ่ม

ผู้เสียหายจึงรวมตัวกันไปเจรจากลับพบว่าปิดคลินิกหนี เบื้องต้นสร้างความเสียหายรวมกันกว่า 2 ล้านบาท

จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่พบว่าผู้ให้บริการคือ นายโอภาสและน.ส.ณัฐชานันท์ ซึ่งไม่ได้เป็นแพทย์ จึงรวบรวมหลักฐานออกหมายจับและตามล็อกตัวไว้ได้

หลังจากสอบขยายผลทราบด้วยว่า ผู้ต้องหากลุ่มนี้ยังมี ผู้ร่วมขบวนการอีก 1 คน โดยคลินิกเปิดได้เพราะมีแพทย์ที่เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมเป็นผู้ขออนุญาต แต่ข้อเท็จจริงการให้บริการเป็นการลงมือของผู้ต้องหาที่ไม่ใช่แพทย์

โดยมีการอวดอ้างโฆษณาตามสื่อโซเชี่ยลมีเดียและ เฟซบุ๊ก จนมีเหยื่อสาวหลงเชื่อตกเป็นลูกค้า

นอกจากนี้เมื่อตรวจสอบเงินในบัญชีธนาคารของผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย พบเงินหมุนเวียนเกือบ 2 ล้านบาท เจ้าหน้าที่จะดำเนินการอายัด เพื่อนำคืนให้ผู้เสียหายต่อไป

ด้านหนึ่งในผู้เสียหายเล่าว่า ตอนแรกเห็นรีวิวและโฆษณาคลินิกในเฟซบุ๊ก โดยอ้างมีแพทย์ที่น่าเชื่อถือหลายคน จึงติดต่อเข้าไปใช้บริการดูดไขมันบริเวณหน้าท้อง แต่เมื่อดูดไขมันออกไปพบว่าหน้าท้องไม่เรียบ เมื่อเดินทางไปคลินิกก็รับปากจะทำให้ใหม่ แต่สุดท้ายกลับหนีหายไป

ขณะที่ผู้เสียหายสาวอีกคนเผยว่า รู้จักกับคลินิกเสริมความงามนี้จากโซเชี่ยลมีเดียเช่นกัน ก่อนเดินทางมาคลินิก โดยมีบุคคลแอบอ้างเป็นหมอและโชว์เอกสารประกอบวิชาชีพ จึงมั่นใจและวางเงินมัดจำล่วงหน้า 100,000 บาท หลังจากนั้นไม่สามารถติดต่อคลินิกได้เลย เมื่อมาตรวจสอบพบปิดหนีไปแล้ว

เหยื่อสาวรายสุดท้ายเล่าว่า มาใช้บริการดูดไขมันที่ขา เมื่อดูดเสร็จไปหนึ่งข้างรู้สึกชา หน้ามืดและชักกระตุก แต่หมอสั่งห้ามไปส่งโรงพยาบาล เมื่อติดต่อไปยังคลินิกอีกครั้งกลับได้คำตอบว่าไม่รับผิดชอบใดๆ และบอกเป็นความผิดของตนเอง จากนั้นไม่สามารถติดต่อได้อีก

สถานเสริมความงามเถื่อนถือเป็นอีกภัยใกล้ตัวของหญิงสาวและเป็นอีกคดีอุทาหรณ์

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน