อดิศร จิตตเสวี – เรื่อง/ภาพ

นับวันสุภาพสตรีทั้งหลายเสี่ยงต่อภัยคุกคามทางเพศมากขึ้น อย่างล่าสุดเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 25 ส.ค.ที่ ผ่านมา มีหญิงสาวผู้เสียหายรายหนึ่ง อายุ 24 ปี ถูกชายหนุ่มนำมือถือมาแอบถ่ายใต้กระโปรง ขณะกำลังยืนรอรถโดยสารประจำทางอยู่ริมถนนย่านเคหะร่มเกล้า

ลงมือก่อเหตุโดยไม่สนสายตาผู้คน ที่เดินผ่านไปมาในช่วงเช้าที่ผู้คนพลุกพล่าน เคราะห์ดีที่หญิงสาวไหวตัวทัน ประกอบกับบริเวณจุดเกิดเหตุมีกล้องวงจรปิดที่สามารถจับภาพ ชายดังกล่าวขณะก่อเหตุเอาไว้ได้ทัน จึงได้นำเรื่องราวที่เกิดขึ้นมาโพสต์เตือนภัยบน โซเชี่ยล

หลังเกิดเหตุ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่ได้นิ่งนอนใจ พล.ต.ต.สมพงษ์ ชิงดวง รองผบช.น. พล.ต.ต.สมนึก น้อยคง ผบก.น.3 พ.ต.อ.ชาญวิทย์ พุ่มโพธิ์ รองผบก.น.3 พร้อมด้วย พ.ต.อ.นันทภูมิ เรืองรุ่ง ผกก.สน.ร่มเกล้า เจ้าของพื้นที่เกิดเหตุ ได้เร่งรัดติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดี

ชุดสืบสวนถูกส่งลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบหาว่าจุดเกิดเหตุอยู่ตรงจุดไหนและหนุ่มคนดังกล่าวเป็นใคร จนทราบว่าเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นที่ตลาดโซน 8 เคหะ ร่มเกล้า โดยภาพวงจรปิดสามารถจับภาพสาวผู้เสียหายกำลังเดินอยู่หน้าซอยร่มเกล้า 8 ส่วนผู้ก่อเหตุขี่รถจยย.ย้อนศรตามสาวผู้เสียหายมา และนำรถจยย.หลบเข้าไปภายในซอยร่มเกล้า 8 ก่อนจะทำทีเดินไปเดินมา ดูแผงหนังสือพิมพ์ พร้อมถือโทรศัพท์มือถือไว้ที่มือข้างซ้าย

จากนั้นจึงเดินไปหาผู้เสียหายที่ยืนอยู่ พร้อมก้มตัวใช้โทรศัพท์มือถือสอดไปที่ใต้กระโปรงหญิงสาว แต่คนร้ายเกิดพลาดมือไปโดนขาของผู้เสียหาย จึงทำให้ผู้เสียหายรู้ตัวตกใจ มันจึงรีบกลับไปที่รถจยย.และหลบหนีไปทันที

ต่อมา พ.ต.อ.นันทภูมิ พร้อมด้วยฝ่ายสืบสวนสน.ร่มเกล้า และ กก.สส.บก.น.3 สืบสวนจนพบเบาะแสของคนร้ายว่าคือ นายวิชาดา (สงวนนามสกุล) อายุ 28 ปี มีบ้านพักอยู่ย่านลาดพร้าว และทำงานเป็นพนักงานปล่อยรถโดยสารประจำทางย่านสวนสยาม เจ้าหน้าที่จึงออกติดตามตัวไปที่บ้านพักของ ผู้ก่อเหตุพร้อมนำตัวมาสอบปากคำ

หลังได้ตัว พ.ต.อ.ชาญวิทย์เดินทางมาร่วมสอบสวน ก่อนเผยว่าคนร้ายรับสารภาพว่า เพิ่งไปส่งภรรยามา ตอนขา กลับพบผู้เสียหายมีหน้าตาดี ถูกใจ จึงก่อเหตุเอามือถือขึ้นมาถ่ายรูปไว้เพื่อนำกลับไปดูที่บ้าน แต่ปรากฏว่าภาพที่ถ่ายไป ไม่สามารถดูได้

ประกอบกับภรรยาซึ่งมารับรู้ภายหลังถึงพฤติกรรมของสามีจึงได้ด่าทอที่ทำเรื่องแบบนี้ คนร้ายจึงออกจากบ้านและลบคลิปภาพออกไป และอยากจะกราบขอโทษกับผู้เสียหาย เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหากระทำให้ผู้อื่นได้รับความอับอาย หรือเดือดร้อนรำคาญในที่สาธารณสถาน หรือมีลักษณะส่อไปในทางที่จะล่วงเกินทางเพศ ก่อนดำเนินการเปรียบเทียบปรับสูงสุด เป็นเงินจำนวน 10,000 บาท

พ.ต.อ.นันทภูมิ เผยภายหลังปิดคดีว่า หลังเกิดเหตุ พล.ต.ต.สมพงษ์ได้สั่งการให้สถานีตำรวจทุกท้องที่ในสังกัดกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ตรวจสอบข้อมูลว่าพบเห็น หรือเคยมีผู้เสียหายที่ถูกคนร้ายก่อเหตุในลักษณะเดียวกันหรือไม่

ขณะเดียวกัน ทางตำรวจได้ลงพื้นที่หาเบาะแสของคนร้าย พร้อมตรวจสอบกล้องวงจรปิดโดยรอบจุดเกิดเหตุ จนพบว่าคนร้ายขี่รถจยย.มาส่งภรรยาที่บ้านพักซึ่งอาศัยอยู่ด้วยกัน บริเวณใกล้เคียงจุดเกิดเหตุ หลังจากนั้นคนร้ายได้ขี่จยย.มาพบ ผู้เสียหายที่กำลังรอรถเมล์อยู่ที่ป้ายรถโดยสารประจำทาง จากนั้นจึงจอดรถจยย.เพื่อลงมาก่อเหตุตามภาพที่ปรากฏ

จากการสอบถามพูดคุยกับคนร้ายกว่า 1 ช.ม. ทางตำรวจพบข้อมูลที่น่าตกใจที่คนร้ายให้การว่า พบเห็นสาวผู้เสียหายซึ่งมีหน้าตาดี จึงรีบจอดรถจยย.เพื่อลงมายืนมองผู้เสียหาย ด้วยความคึกคะนองอยากบันทึกภาพผู้เสียหายกลับไปดูที่บ้าน จึงใช้มือถือลงมือแอบถ่าย

หลังก่อเหตุได้หลบหนีเข้าบ้านและ ไม่กล้าไปพบญาติ เนื่องจากเกิดความกลัว เพราะว่าเห็นภาพของตัวเองปรากฏอยู่ตามสื่อและโลกโซเชี่ยล ทั้งนี้ จากการตรวจสอบประวัติ พบว่าผู้ต้องหาเคย ถูกดำเนินคดีในข้อหาเสพยาเสพติดมา สองครั้ง เมื่อปี?58 แต่ในวันที่นำ ผู้ต้องหามาที่โรงพัก เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบหาสารเสพติดแล้วแต่ไม่พบ

“จากเหตุการณ์ในลักษณะดังกล่าว ทางตำรวจสน.ร่มเกล้า ได้เพิ่มมาตรการในการป้องปราบ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุในลักษณะดังกล่าวเกิดขึ้นอีก โดยการเพิ่มกำลังสายตรวจในการออกตรวจตราในพื้นที่ โดยเฉพาะจุดที่ล่อแหลม จุดเสี่ยงที่มีผู้คนพลุกพล่าน ทั้งในเวลากลางวันและกลางคืน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยืนยันจะดำเนินคดีและเปรียบเทียบปรับในอัตราสูงสุดทุกราย” ผกก.สน.ร่มเกล้า กล่าวให้ความมั่นใจกับประชาชน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน