คอลัมน์ สดจากสนามข่าว

อดิศร จิตตเสวี /อดิษัยต์ พรวยพิมพ์ /พิรยุทธ นิ่มนนท์ /สุรัตน์ สรรพคุณ

เรื่อง/ภาพ

จากรายงานของกรมการท่องเที่ยว พบว่าตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ปี 2559 เป็นต้นมา มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเที่ยวเมืองไทยแล้ว 30.26 ล้านคน สร้างรายได้ให้ประเทศราว 1.51 ล้านล้านบาท

เมื่อการท่องเที่ยวสร้างเม็ดเงินจำนวนมหาศาลเช่นนี้ ทุกครั้งที่เกิดเหตุร้ายขึ้นกับนักท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุ หรือถูกก่อเหตุอาชญากรรม จึงกลายเป็นเรื่องใหญ่ ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจให้ความสำคัญ เร่งสืบสวนคลี่คลายคดีโดยเร็ว เพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อภาพลักษณ์ของประเทศ

ล่าสุดเมื่อเวลา 04.00 น. ของวันที่ 5 ธ.ค. ที่ผ่านมา น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 23 ปี สาวชาวออสเตรเลีย พาร่างอันยับเยินและหึ่งไปด้วยกลิ่นสุรา เข้าแจ้งความกับตำรวจ สน.ตลิ่งชัน ว่าถูกคนขับรถตุ๊กตุ๊กกับเพื่อนรวม 2 คนล่อลวงไปข่มขืน บริเวณข้างอาคารร้าง ซอยบรมราชชนนี 43 ถนนบรมราชชนนี แขวง เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ

น.ส.เอ ให้การทั้งที่ยังไม่สร่างดีว่า เข้ามาเที่ยวเมืองไทยคนเดียว เมื่อวันที่ 2 ธ.ค. จากนั้นมาพักอยู่ที่ รังขมิ้นโฮมสเตย์ ถนนข้าวสาร ก่อนจะเดินทางท่องเที่ยวตามวัด-สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ในกรุงเทพฯ

1_opt

กระทั่งวันที่ 4 ธ.ค. เวลาประมาณ 18.00 น. ไปนั่งดื่มเบียร์ ที่ร้าน Km cocktails กับเพื่อนนักท่องเที่ยวที่เพิ่งรู้จักกันที่เมืองไทย ในถนนข้าวสาร และเปลี่ยนที่ดื่มกินอีก 1 ร้าน หลังดื่มกินกันจนเมา จำไม่ได้ว่าเป็นเวลาเท่าไหร่ได้เดินมาขึ้นรถตุ๊กตุ๊ก ที่ท้ายซอยเพื่อจะกลับที่พัก ขณะที่นั่งบนรถตุ๊กตุ๊ก ตนเห็นว่านานผิดสังเกต จึงได้สอบถาม ก่อนชายที่คนขับตุ๊กตุ๊กได้พูดว่า “ฮุบปาก” กระทั่งเลี้ยวมายังจุดเกิดเหตุที่เป็น พงหญ้าข้างอาคารร้าง และพบชายอีก 1 คน อยู่บริเวณนั้น

ชายดังกล่าวเดินเข้ามาและพูดจาข่มขู่ พร้อมปิดปากไม่ให้ตนเองร้อง ขณะเดียวกันได้ตบหน้าตนเอง 1 ครั้ง และลากตนไปที่พงหญ้า และผลัดกันข่มขืน ก่อนที่ทั้งคู่จะขับขี่รถตุ๊กตุ๊กออกไป

2_opt

กระทั่งตีสี่ ตนวิ่งออกมาที่ถนนและพบหญิงไทยขี่รถจยย.มา และขอความช่วยเหลือ ก่อนมาแจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่

หลังรับแจ้ง ทางเจ้าหน้าที่ส่งตัว น.ส.เอ ไปตรวจร่างกายที่ ร.พ. ศิริราช ขณะที่ชุดสืบสวนลงพื้นที่ตามคำบอกเล่าของน.ส.เอ พบว่าอาคารร้างดังกล่าวเป็นอาคารที่ทำการน.ส.พ.วัฏจักร ซึ่งได้ปิดไปแล้ว โดยปกติตอนกลางวันก็ไม่ได้ปล่อยร้าง มีผู้มาเช่าเป็นที่จอดรถ บางครั้งมีวัยรุ่นมาทำกิจกรรมบนอาคาร โดยจะมี รปภ.คอยดูแลอยู่ แต่ช่วงกลางคืนจะไม่มี

4_opt

เนื่องจากเป็นคดีสำคัญที่เกิดกับนักท่องเที่ยว อีกทั้งผู้เสียหายยังโพสต์เหตุ การณ์ลงเพจส่วนตัว ซึ่งอาจสร้างผล กระทบต่อชื่อเสียงของประเทศ พล.ต.ท. ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. จึงสั่งให้ พ.ต.อ.ณัฐนันท์ นานาสมบัติ รอง ผบก.น.7 พ.ต.อ.เมธี รักพันธ์ รอง ผบก.น.7 พ.ต.อ.ภิญโญ ป้อมสถิตย์ ผกก.สส.น.7 และ พ.ต.อ.ธนวรรธน์ ตาระกา ผกก.สน. ตลิ่งชัน เร่งรัด ติดตามคดี ร่วมกับเจ้าหน้าฝ่ายสืบสวน กก.สส.น.7 และฝ่ายสืบสวน สน.ตลิ่งชัน

แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบตามคำให้การของ น.ส.เอ ก็พบว่ามีความขัดแย้งกันเองหลายจุด ซึ่งเป็นไปได้ว่าเพราะเจ้าตัวเมามากจนสับสน จึงตรวจสอบย้อนเส้นทางกลับไปตามคำให้การ ตั้งแต่ร้านเหล้าที่ถนนข้าวสาร

ชุดสืบสวนพบว่า น.ส.เอ ดื่มกินจากร้านอาหารดังกล่าวจริง และจากนั้นได้เดินมากับนักท่องเที่ยวผู้ชายคนหนึ่ง โดยเจ้าตัวอยู่ในอาการเมามากจนแทบเดินไม่ไหว และยังมีการจูบกับเพื่อนคนดังกล่าวด้วย ก่อนจะเดินหายไป ต่อมาจึงมาพบภาพนั่งอยู่ที่หน้าศึกษาภัณฑ์ เป็นครั้งสุดท้าย โดยไม่เห็นว่ามีการเรียกรถตุ๊กตุ๊กตรงจุดใด เมื่อนำภาพวงจรปิดมาให้น.ส.เอดู เจ้าตัวยังมึนว่าจำอะไรไม่ได้เลย

“จากข้อมูลที่ได้รับรายงานในช่วงเวลาใกล้เคียงตอนเกิดเหตุมีรถตุ๊กตุ๊กที่วิ่งจากฝั่งพระนครข้ามมาฝั่งธนฯจำนวน 20 คัน เเต่ในช่วงเวลาที่ใกล้เคียงมากที่สุดมีรถ ตุ๊กตุ๊กจำนวน 5 คันที่วิ่งอยู่บริเวณ ดังกล่าว” พล.ต.ท.ศานิตย์กล่าวกับนักข่าว

ตำรวจไล่ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด คนขับรถตุ๊กตุ๊ก ที่อยู่ในข่ายต้องสงสัยหลายคนถูกเชิญมาสอบสวน ให้น.ส.เอ ชี้ตัวแต่ทุกรายล้วนไม่เกี่ยวข้อง ก็เลยปล่อยตัวไปเพื่อรอผล‘ดีเอ็นเอ’

5_opt

สุดท้ายความพยายามก็ประสบผล เมื่อมีกล้องวงจรปิดหน้าธนาคารกรุงศรี อยุธยา ปากซอยรามบุตรี ข้างวัดชนะ สงคราม สามารถจับภาพชายต้องสงสัยได้อย่างชัดเจน ซึ่งจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดตลอดเส้นทาง พบว่ามีความเชื่อมโยงสอดคล้องกับภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณแยกจปร.และกล้องวงจรปิดบนสะพานพระราม 8 ทำให้ทราบว่าคนร้ายขับรถวินจยย.รับจ้างไม่ใช่รถตุ๊กตุ๊ก

ผู้ต้องสงสัยชื่อนายเอกบุรุษ ฤทธิ์รักขพันธุ์ อายุ 23 ปี หรือป๊อก อาชีพ ขับจยย.รับจ้าง อยู่วินสถานีรถไฟธนบุรี หมายเลขวินเบอร์ 19 จากการตรวจสอบประวัติพบว่าเคยก่อคดีอนาจารหญิงสาวสติไม่สมประกอบมาด้วย ทีมสืบสวนติดตามไปที่วินจยย.และบ้านพัก โดยหายตัวไป ตั้งแต่วันที่เป็นข่าว

ตำรวจนำภาพนายเอกบุรุษ ให้กับน.ส.เอ ดู ก็สามารถชี้ตัวได้ถูกต้อง เบื้องต้นพบว่าก่อเหตุเพียงคนเดียว จึงรวบรวมพยานหลักฐาน ขออำนาจศาลอนุมัติหมายจับในข้อหา “ข่มขืนกระทำชำเรา”

พลันที่ข่าวและภาพถูกเผยแพร่ออกสู่สาธารณะเพียงวันเดียว นายเอกบุรุษ ก็โร่ติดต่อขอมอบตัว หลังหนีไปซ่อนตัวที่บ้านญาติใน อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร

ตร.ไปนำตัวมาสอบสวนเจ้าตัวยังให้การภาคเสธ โดยอ้างว่าเป็นการสมยอมไม่ได้ข่มขืน เจ้าตัวอ้างว่ามักจะขี่รถจยย. หาฝรั่งสาวๆ ที่เมาและจีบไปนอนด้วยเป็นประจำ ส่วนทรัพย์สินมีค่า เจ้าตัวปฏิเสธว่าไม่ได้เอาไป

นายเอกบุรุษ ถูกนำตัวไปฝากขัง ขณะที่นักท่องเที่ยวสาว เดินทางกลับบ้านเมือง พกพาเรื่องราวเลวร้ายที่จดจำไปชั่วชีวิต เพราะความเมาและความมักมากของคนไทยคนหนึ่ง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน