ปิดฉากพีทหวย90ล. ร่ำไห้-รับกุถูกหวย สมพงษ์ เลือดทหาร ‘ฮีลวง’รุ่นพี่เตือนสติ

แฟ้มคดี

ปิดฉากพีทหวย90ล. – เป็นอีก 1 คดีลวงโลกที่สร้างความฮือฮาให้กับสังคม

เมื่อมีภาพหนุ่มขายลอตเตอรี่ถ่ายคู่กับสลากถูกรางวัลที่ 1 ถึง 15 ใบ

มูลค่ากว่า 90 ล้านบาท

พร้อมระบุว่าเป็นสลากที่มีผู้โชคดีสั่งซื้อทางไลน์ อยู่ระหว่างรอลูกค้ามารับ ไม่คิดจะฮุบเป็นของตัวเองแน่นอน

สร้างเสียงชื่นชมไปทั่ว ทั้งจากสื่อออนไลน์และสื่อกระแสหลัก

ส่งผลให้มีลูกค้าติดตามไปซื้อ ไปจองกันแผงแทบแตก ขายของกันแทบไม่ทัน

เงินทองไหลมาเทมา

แต่เพียงไม่นาน เมื่อมีผู้ผิดสังเกตว่าเรื่องนี้ออกจะทะแม่งๆ พร้อมเดินหน้าท้าพิสูจน์

แม้ตอนแรกพ่อค้าหนุ่มจะปากแข็ง แต่สุดท้ายก็ต้องยอมรับสารภาพ

อ้างที่ทำไปก็เพราะเล่นกันสนุกๆ แต่เมื่อเรื่องเลยเถิดก็ต้องตามน้ำไป

ถูกดำเนินคดี 4 ข้อหาหนัก และช่องทางทำมาหากินก็ดูจะตีบตันลง

เป็นบทเรียนของการลวงโลกที่เห็นได้ชัดที่สุด

■ ฮือฮาแผงหวยเฮง-90 ล้าน

เหตุการณ์อื้อฉาวครั้งนี้ปรากฏเป็นข่าวเมื่อวันที่ 2 ก.ย. เมื่อมีเสียงร่ำลือกันทั่ว จ.สมุทรสาครว่ามีผู้โชคดีถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 เป็นเงินถึง 90 ล้านบาท เมื่อผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ตรวจสอบก็พบการ กล่าวอ้างว่าต้นขั้วของแผงสลากที่ขาย คือแผงมหาเฮง ภายในปั๊มปตท. สาขาเอกชัย ต.โคกขาม อ.เมือง จ.สมุทรสาคร

โดยเจ้าของแผงดังกล่าวคือชายหนุ่ม ชื่อพีท ธนวรรธน์ คำแหงผล อายุ 35 ปี ชาว จ.เลย โดยเจ้าของปั๊มน้ำมันระบุว่า ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 1 ก.ย. หลังจากที่สลากกินแบ่งฯออกรางวัล ช่วงค่ำตนเห็นพีทยังเฝ้าอยู่ที่แผง จึงเข้าไปสอบถามว่าทำไมถึงยังไม่กลับ

โดยนายพีทระบุว่า กำลังรอลูกค้าที่สั่งซื้อลอตเตอรี่ทางไลน์มารับสลากที่สั่งไว้ และโอนเงินให้เรียบร้อย จากนั้นก็โชว์ลอตเตอรี่ที่เป็นชุด 15 ใบให้ดู พอเห็นก็เลยบอกว่านี่เป็นรางวัลที่ 1 ก็เลยถ่ายรูปไว้ดูเล่น แต่จากนั้นก็ออกไปธุระ เลยไม่ได้เห็นว่าเศรษฐีใหม่คนนี้เป็นใคร

ขณะที่นายพีทเปิดเผยทางโทรศัพท์ว่า ยืนยันว่ามีลูกค้าที่ซื้อลอตเตอรี่จากแผงตนถูกรางวัล 90 ล้านบาทจริง เป็นคนจังหวัดใกล้เคียงที่เดินทางผ่านมา แล้วแวะซื้อลอตเตอรี่บ่อยครั้ง จนซื้อขายกันผ่านไลน์ และโอนเงินให้กัน แต่ไม่อยากเปิดเผยชื่อ กลัวเป็นข่าวดัง แล้ววุ่นวายเหมือนหวย 30 ล้านบาท

พร้อมเปิดเผยอีกว่า เมื่อวันที่ 1 ก.ย. ตนขายลอตเตอรี่จนถึง 14.00 น. แต่ยังเหลือหวยชุด 15 ใบอยู่อีกหลายเลข จึงโทรศัพท์ไปหาลูกค้าประจำว่ามีเลขชุดจะเอาหรือไม่ ซึ่งเขาบอกว่าเลขท้าย 10 ตรงกับที่ฝัน จึงตกลงซื้อ จากนั้นก็ถ่ายรูปส่งไปให้ แล้วลูกค้าก็โอนเงินค่าสลากมาให้ เมื่อได้เงินก็ไม่ได้สนใจอะไรอีก และไม่รู้ด้วยว่าถูกรางวัลที่ 1 และนั่งรอจนเย็นกว่าเจ้าของจะมารับไป

“ยืนยันไม่เคยคิดที่จะโกงเอาไว้ เพราะยึดถือในความซื่อสัตย์ที่พ่อค้าต้องมีต่อลูกค้า รวมถึงสัจจะที่จะไม่เปิดเผยข้อมูลของผู้ถูกรางวัลด้วย ขณะที่ผู้โชคดีรายนี้ก็ได้บอกว่า จะมอบเงินเป็นน้ำใจให้กับความซื่อสัตย์ แต่ยังไม่ขอเปิดเผยตัวเลขว่าเป็นจำนวนเท่าใด”

หลังเผยแพร่ผ่านสื่อ หนุ่มพีทก็โด่งดังเหมือนพลุแตก มีทั้งรายการโทรทัศน์ตามจีบไปออก และมีลูกค้าแห่แหนมาเลือกซื้อที่แผง

เรียกได้ว่ายังไม่ทันวางขายลูกค้าก็จองเลขกันเต็มพรืด

เป็นผลที่เกิดขึ้นจากความโด่งดัง

■ พีทรับกุเรื่อง-อ้างล้อเล่น

อย่างไรก็ตามเมื่อเรื่องราวสะพัดไป ก็เริ่มมีผู้ผิดสังเกต โดยวันที่ 6 ก.ย. เฟซบุ๊กชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม โพสต์ข้อความระบุว่า “เคสที่บอกขายหวยถูก 90 ล้าน อาจโอละพ่อไม่จริงชมรมขอท้าพิสูจน์มั่นใจว่าหวังผลบางอย่างจึงเรียนมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน”

ต่อมาวันที่ 7 ก.ย. นายพีทก็ไปออกรายการโทรทัศน์ ซึ่งในรายการได้วิดีโอคอล นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรมด้วย

โดยนายอัจริยะระบุสาเหตุที่น่าสงสัย เนื่องจากภาพสลากดังกล่าว เมื่อนำไปสแกนที่เลข 7 คลาดเคลื่อนจากเลข 3 เหมือนกับกรอบตัดแปะ จึงจะนำภาพสลากชุดดังกล่าวเข้าร้องต่อผอ.กองสลากฯ เพื่อให้ตรวจสอบว่าเป็นภาพจริงหรือไม่ มีผู้มาขึ้นเงินรางวัลแล้วหรือยัง

“เรื่องดังกล่าวเป็นข้อถกเถียงในสังคม แถมจะมีการมอบรางวัลคนซื่อสัตย์ให้ ทุกอย่างจึงต้องโปร่งใส”

ขณะที่นายพีทกล่าวว่า รู้สึกน้อยใจที่ถูกจับผิด ยังสงสัยว่าเราพลาดตรงไหน อยากดังเหรอ ถ้าอยากดังก็คงวิ่งเอาลอตเตอรี่ไปหาสื่อเพื่อให้ออกข่าว แต่นี่เป็นคนขาย ไม่เคยเรียกร้อง แต่เจ้าของปั๊มก็บอกว่าถ่ายเก็บไว้ มีคนถูกจริง ไม่ได้สร้างกระแส

ส่วนที่อ้างว่าเหมือนสลากตัดแปะ เป็นเพราะวันดังกล่าวตนแบ่งสลากออกเป็นชุด 5 ใบ ให้ขายง่าย แต่ดึงแรงไป แม็กทำให้ขาด จึงไม่ได้พับลายน้ำเลยเป็นคนละเส้นกัน หากต้องการยื่นให้กองสลากฯ ตรวจสอบก็ยินดี เพราะมีหลักฐานยืนยัน ทั้งรูปภาพต้นขั้วลอตเตอรี่ แต่เอาของจริงมาไม่ได้เพราะอยู่กับยี่ปั๊ว

แต่เพียงข้ามคืนหนุ่มพีทก็สารภาพ โดยปรากฏเป็นคลิปเสียงยอมรับว่าเมื่อเย็นวันที่ 1 ก.ย. หลังหวยออกมานั่งดูสลากชุดที่เหลืออยู่ ก็พบว่ามีบางชุดเลขใกล้เคียงกับรางวัลที่ 1 จึงนึกสนุกตัดเลขข้างหน้ามาแปะ พอเฮียเจ้าของปั๊มเดินมาถาม ก็เอาไปโชว์ให้ดู คิดว่าเล่นๆ กัน แต่เฮียถ่ายรูปแล้วเอาไปลงไลน์กลุ่ม จากนั้นก็แพร่ต่อกันไป

หลังจากเป็นข่าว ก็ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องใหญ่ นึกว่าแค่วัน 2 วัน ก็เลยตามน้ำไปเรื่อยๆ จนไม่สามารถควบคุมได้

สารภาพกุเรื่องถูกหวยจริง

■ ตร.ฟัน 4 ข้อหาหนัก

นำมาซึ่งการอนุมัติหมายจับจากศาลจังหวัดสมุทรสาคร ในความผิดฐานโดยทุจริตหรือหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน

จนกระทั่งวันที่ 10 ก.ย. นายพีทก็ติดต่อเข้ามอบตัว พร้อมแถลงข่าวทั้งน้ำตาว่า ต้องขอโทษทุกคนจากใจ มันเป็นความผิดพลาด และความคึกคะนอง ทำอะไรไม่ทันคิด คิดว่าเป็นการหยอกล้อกันในกลุ่มไลน์เท่านั้น ไม่รู้ว่ารูปออกไปได้อย่างไร

แต่เมื่อเป็นข่าวหน้า 1 ในหนังสือพิมพ์ก็ต้องตามน้ำไป เพราะมีประชาชนเสียเงินค่าน้ำมันมาซื้อลอตเตอรี่ถึงแผง เพราะอยากอุดหนุนและขอถ่ายรูปได้

นอกจากนี้ยอมรับว่าที่บอกว่าเคยนำลอตเตอรี่ให้ลูกค้ากรมทางหลวงที่ถูกรางวัล 1 ล้านนั้น จริงๆ ก็ถูกเพียง 3 ตัวท้ายเท่านั้น

โดยที่เจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้ง 4 ข้อหา ประกอบด้วยความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ หลอกลวงประชาชน ขายสลากกินแบ่งรัฐบาลเกินราคา และปลอมแปลงเอกสารสลากกินแบ่งรัฐบาล

และไม่เพียงแค่นั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจยังมีหมายเรียกแฟนสาวของพีท มาสอบปากคำว่ามีส่วนรู้เห็นในเรื่องดังกล่าวหรือไม่

ขณะที่พีทรับสารภาพเพียง 2 ข้อหา คือขายสลากเกินราคา และหลอกลวงประชาชน ส่วนอีก 2 คดีก็พร้อมต่อสู้ในชั้นศาล

ยื่นหลักทรัพย์ 3 แสนบาทได้ประกัน ยืนยันกลับมาขายลอตเตอรี่ต่อไป

พร้อมขอบวช 7 วันเพื่อล้างซวย

■ ย้อนรอย‘สมพงษ์ เลือดทหาร’

สำหรับคดีลวงโลกครั้งนี้ สังคมก็อดไม่ได้ที่จะนำไปเปรียบเทียบกับกรณีของนายสมพงษ์ เลือดทหาร แท็กซี่ฮีโร่-ฮีลวง ที่โด่งดังเมื่อ 20 ปีก่อน

โดยเมื่อวันที่ 1 ส.ค.2540 มีผู้อ้างเป็นรปภ.สนามบินดอนเมืองโทรศัพท์เข้าไปในรายการวิทยุ ระบุว่ามีแท็กซี่พลเมืองดี เก็บกระเป๋าสตางค์นักท่องเที่ยวชาวฝรั่งเศส ข้างในมีเงินจำนวนมาก เอามาส่งคืนให้

สร้างความฮือฮาให้กับสังคมต่างยกย่องการกระทำครั้งนี้ ถึงขั้นหน่วยงานราชการจะมอบโล่ความเป็นคนดีให้

ต่อมาก็มีผู้สงสัย เพราะไม่มีหลักฐานใดยืนยันว่าเกิดเรื่องเช่นนี้จริง นอกจากคำให้การของรปภ.ที่ชื่อวิโรจน์ และตัวนายสมพงษ์ เอง จนกระทั่งการตรวจสอบวงจรปิดที่สนามบินดอนเมือง ก็ไม่พบเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น

ทำให้นายสมพงษ์ ต้องยอมรับว่ากุเรื่องขึ้นมา ทำลงไปเพราะนึกสนุก ไม่คิดว่าเรื่องราวบานปลายใหญ่โต ทั้งนี้รปภ.วิโรจน์ ก็คือตัวเองที่บีบจมูกข้างหนึ่ง

ขณะที่ศาลพิพากษาจำคุก 3 ปี ลดโทษให้เหลือจำคุก 1 ปี 6 เดือน

โดยนายสมพงษ์ก็ได้ออกมาเตือนสติพีท ว่าอย่าคิดโด่งดังจากเรื่องโกหก ให้เอาเรื่องของตัวเองไว้เป็นอุทาหรณ์

เพราะสุดท้ายไม่มีใครโกหกความจริงได้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน