พนม คงเจริญ – เรื่อง/ภาพ

บ่ายสองโมงวันที่ 15 ก.ย. พล.ต.ต.สมพงษ์ ชิงดวง รอง ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต. สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบช.ทท. พล.ต.ต.เอกชัย บุญวิสุทธิ์ ผบก.น.2 และ พ.ต.อ.เติมเผ่า สิริภูบาล ผกก.สน.สุทธิสาร พ.ต.ท.ภพกฤต เปลี่ยนเพ็ง รอง ผกก.สส.สน.สุทธิสาร ร่วมกันสอบปากคำ นายหลิว ซ่งไห่ สัญชาติจีน และ นายสมชาย มานิโช ที่ร่วมกันก่อเหตุจับตัว นายเผิง นักธุรกิจชาวจีน ไปกักขังเพื่อเรียกค่าไถ่ที่พัทยา ก่อนที่ญาติจะแจ้งตำรวจช่วยเหลือออกมาได้สำเร็จ

พล.ต.ต.สมพงษ์ เปิดเผยเรื่องราวที่มาที่ไปของคดีดังกล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 13 ก.ย.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 16.00 น. ขณะที่ นายเผิง ซึ่งเป็นผู้เสียหาย กำลังขับรถยนต์ยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่นปาเจโร่ ผ่านบริเวณหน้าร้านอาหารย่านแยกเหม่งจ๋าย

มีคนร้าย 3 คน ซึ่งประกอบด้วย นายหลิว ซ่งไห่ ชาวจีน, นายสมชาย มานิโช และนายเป้ (ไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริง) ทำทีขับรถฮอนด้า แจ๊ซ ชนท้ายรถของนายเผิง ก่อนจะลงมาเจรจาค่าเสียหายกัน

เมื่อนายเผิงหลงกลลงมาตกลงค่าเสียหาย กลุ่มคนร้ายได้ใช้มีดปลายแหลมจี้บังคับ นำตัวนายเผิงขึ้นรถของตนเอง ก่อนขับพาไปกักขังไว้ที่เมืองพัทยา โดยนายหลิวใช้มีดจี้เอวนายเผิงไปตลอดเส้นทาง

ทั้งนี้ระหว่างทาง กลุ่มคนร้ายยังได้บังคับให้นายเผิง เขียนสัญญาว่าเป็นหนี้นายหลิว เป็นเงิน 140,000 หยวน หรือประมาณ 7 แสนบาท และจะต้องชำระภายในระยะเวลา 2 เดือน นับแต่วันเขียนสัญญา พร้อมทั้งให้ลงมือชื่อ และประทับรอยนิ้วมือลงในสัญญา

นอกจากนี้ยังบังคับให้นายเผิงผู้เสียหาย โอนเงินให้กับนายหลิว 1,900 หยวน หรือ 9,500 บาท ซึ่งนายเผิง กลัวจะได้รับอันตรายจึงได้โอนให้ไป

พล.ต.ต.สมพงษ์เปิดเผยรายละเอียด คดีอีกว่า ต่อมากลุ่มคนร้ายได้บังคับให้นายเผิงโทรศัพท์ไปขอยืมเงินจากเพื่อนคนอื่นๆ ทั้งชาวจีนและชาวไทยเพื่อให้โอนเงินให้กับนายหลิวเพิ่มเติม ซึ่งระหว่างกักขังตัวนายเผิงในวันดังกล่าว นายเผิงโอนเงินให้กับนายหลิวเพิ่มอีก 40,000 หยวน หรือประมาณ 200,000 บาท และระหว่างที่ถูกควบคุมตัว อยู่นั้น นายเผิงถูกกลุ่มผู้ต้องหาทรมาน โดยบังคับให้นั่งอยู่ที่พื้นตลอดเวลา ห้ามนอนหลับ

จนถึงเวลาเช้าวันที่ 14 ก.ย.ที่ผ่านมา นายเผิงก็ถูกบังคับให้โทร.ขอยืมเงินมาเพิ่มอีก จึงได้ติดต่อกับทางญาติคนจีน ที่อยู่ในประเทศไทย และภรรยาชาวจีนเพื่อขอเงินเพิ่ม ระหว่างนั้นนายเผิงได้แอบส่งข้อความขอความช่วยเหลือ ทำให้ทางญาติเข้าติดต่อกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมกับแจ้งความเอาไว้ที่ สน.สุทธิสาร ในวันที่ 14 ก.ย.

ภายหลังรับแจ้งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงร่วมกันวางแผนให้การช่วยเหลือในทันที

กระทั่งเวลาประมาณ 20.00 น. นายเผิงได้ออกอุบายว่าไม่สามารถหายืมเงินได้แล้ว แต่มีรถยนต์อยู่อีกหนึ่งคันให้นายหลิวมาเอารถยนต์อีกคันของตนเองไปขาย โดยรถจอดอยู่ที่คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งย่านรัชดาภิเษก กรุงเทพฯ กลุ่มคนร้ายจึงพาตัวกลับเข้ากรุงเทพฯ เพื่อมาเอารถตามที่บอก ซึ่งระหว่างเดินทางกลับมาที่พัก นายเผิงได้แอบ ส่งข้อความขอความช่วยเหลือมายังเพื่อนๆ ที่อยู่ในกรุงเทพฯ ซึ่งก็ได้ประสานข้อมูลให้เจ้าหน้าที่ตำรวจรับทราบอีกทีหนึ่ง

เมื่อเดินทางมาถึงคอนโดฯดังกล่าวเวลาประมาณ 01.00 น. วันที่ 15 ก.ย. จังหวะที่นายเผิงลงจากรถ ก็ได้ตะโกนร้องขอความช่วยเหลือ ซึ่งเพื่อนๆ ของนายเผิงพร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ และรปภ.ของคอนโดฯได้ช่วยกันจับตัวนายหลิวและนายสมชายไว้ได้ โดยยังเหลือคนร้ายที่หลบหนีไปได้ 1 คน ทราบชื่อต่อมาคือ นายเป้

จากการสอบสวนนายสมชาย ให้การว่าได้รับค่าจ้าง 5,000 บาท จากนายหลิว เพื่อให้มาช่วยทวงหนี้ โดยบอกว่านายเผิงเป็นหนี้พนันบอลอยู่จำนวนมาก แต่ไม่ยอมใช้ ทั้งนี้เบื้องต้นได้แจ้งข้อหากับผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ในข้อหาร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขัง และร่วมกันเรียกค่าไถ่ชาวต่างชาติ นำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย ต่อไป

“ทางนายหลิว ผู้ต้องหาอ้างว่า รู้จักกันกับนายเผิงผู้เสียหายทางวีแช็ต และรู้จักกันมาสักพักแล้ว ซึ่งเห็นเหยื่อโพสต์รูปรถ ก็คิดว่ามีทรัพย์สินจำนวนมาก จึงลงมือ ก่อเหตุดังกล่าว โดยผู้ต้องหาให้การว่า ผู้เสียหายติดหนี้พนันบอล ซึ่งถือเป็น คำให้การกล่าวอ้างของผู้ต้องหา แต่ เจ้าหน้าที่ถือว่ากลุ่มผู้ต้องหามีความผิดในการเรียกค่าไถ่ หากเป็นหนี้เป็นคดีแพ่งก็ต้องฟ้องศาลเอา ไม่ใช่มาก่อเหตุอุกอาจแบบนี้ ตอนนี้เจ้าหน้าที่จะให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย โดยต้องสอบปากคำผู้เสียหายอีกครั้ง ว่าสาเหตุเกิดจากเรื่องใดกันแน่ ตอนนี้ก็จะต้องสอบปากคำผู้เสียหายต่อไป” พล.ต.ต.สมพงษ์กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน