อุดมเกียรติ ทิพย์ศรีกุล – ชาญพงศ์ บุญอุทิศ – เรื่อง/ภาพ

สังคมสมัยนี้อยู่ยากขึ้นทุกวัน ขนาดนั่งกินดื่มสังสรรค์กับเพื่อนในร้านอาหาร ยังไม่แคล้วถูกคนบ้าคลั่ง ชักปืนยิงใส่ ทั้งที่ไม่เคยรู้จักหรือมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกันมาก่อน

เมื่อเที่ยงคืนวันที่ 15 ก.ย. ต่อเนื่องวันที่ 16 ก.ย. พนักงานสอบสวนสภ.เมืองพัทยา อ.บางละมุง จ.ชลบุรี รับแจ้งเหตุเกิดการดวลปืนขึ้นภายในร้านเม้าท์บุรี ริมถนนพัทยาสายสาม ม.9 ต.หนองปรือ มีผู้บาดเจ็บทั้ง 2 ฝ่าย

จึงรีบนำกำลังรุดไปตรวจสอบพร้อม พล.ต.ต.นันทชาติ ศุภมงคล ผบก.ภ.จว.ชลบุรี พ.ต.อ.อภิชัย กรอบเพชร ผกก.สภ.เมืองพัทยา พ.ต.ท.กรณ์ สมคะเณย์ รอง ผกก.ป. และ พ.ต.ท.ปพนพัชร์ ใบยา รอง ผกก.สส.

ที่เกิดเหตุบริเวณร้านเม้าท์บุรี พบนักเที่ยวกว่า 200 คน อยู่ในอาการแตกตื่นกรูออกจากร้านมุงดูเหตุการณ์

ภายในร้านก็พบกับภาพโต๊ะเก้าอี้ล้มระเนระนาด

ท่ามกลางเศษแก้ว ถ้วย ชาม จาน ตกแตกเกลื่อนพื้นร้าน พบร่างโชกเลือดของ นายสมชาย แซ่ฉั่ว อายุ 49 ปี หรือที่คนย่านพัทยา-นาเกลือรู้จักกันในฉายา ‘เฮียไช้ วัดโพธิ์’ ขาใหญ่ย่าน นาเกลือ นอนหายใจรวยรินอยู่

สภาพถูกยิงที่ขมับขวา 1 นัด แขนขวา 1 นัด ที่ท้องหลายนัด ขาขวา 1 นัด เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้ปั๊มหัวใจเพื่อกู้ชีวิต

ใกล้กันพบ จ.ส.ต.ปวเรศ บรรจง อายุ 31 ปี ผบ.หมู่งานป้องกันสภ.เมืองพัทยา ได้รับบาดเจ็บถูกยิงที่แขนข้างขวา 1 นัด จึงรีบนำตัวทั้งคู่ส่งรักษาโรงพยาบาลพัทยาเมโมเรียล

เบื้องต้นสอบสวนทราบว่า จ.ส.ต.ปวเรศ มานั่งสังสรรค์กับเพื่อนตำรวจชื่อ ส.ต.ต.นเรศรักษ์ เครือวาระ อายุ 30 ปี สังกัดสภ.วังขอนแดง บก.ภ.จว.ปราจีนบุรี ที่แวะมาเยี่ยมที่ร้านดังกล่าว

ขณะที่ขาใหญ่นาเกลือ ‘เฮียไช้ วัดโพธิ์’ ก็นั่งดื่มกินอยู่กับพรรคพวกอีกโต๊ะหนึ่ง

กระทั่งตกดึกเกือบเที่ยงคืนวันเกิดเหตุ โต๊ะของเฮียใช้เกิดทะเลาะเบาะแว้งกันเอง โดยเฮียไช้ส่งเสียงดังโวยวาย และฉุดกระชากลากถูหญิงสาวที่นั่งอยู่โต๊ะเดียวกัน

ด้วยจิตแห่งผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ จ.ส.ต.ปวเรศ และ ส.ต.ต.นเรศรักษ์ จึงลุกจากโต๊ะขึ้นไปห้ามปราม

แต่แทนที่ เฮียไช้ จะเกรงอกเกรงใจ กลับเหิมเกริมด้วยคิดว่าตัวเป็นคนดังในพื้นที่ มีหรือที่จะเห็นตำรวจชั้นผู้น้อยยศแค่จ่า และนายสิบที่แต่งนอกเครื่องแบบอยู่ในสายตา

ขาใหญ่นาเกลือก็แสดงความอหังการ ด้วยการกระตุกปืนพกขนาด 9 ม.ม. ที่เหน็บเอวอยู่รัวยิงใส่จ.ส.ต.ปวเรศทันทีหลายนัด โชคยังดีที่นักเลงโตไม่แม่นปืนเท่าไหร่ จึงยิงเข้าแขนจ.ส.ต.ปวเรศเท่านั้น

หลังเห็นเพื่อนรักร่วงลงไปกองอยู่กับพื้น ตัว ส.ต.ต.นเรศรักษ์ ซึ่งไม่ได้พกอาวุธปืนประจำกายติดตัวมาด้วย จึงชักปืนขนาด 9 ม.ม. ที่อยู่ในซองข้างเอวของ จ.ส.ต.ปวเรศ ยิงสวนไปในทันควัน

แล้วความจัดเจนในทางปืนของเจ้าหน้าที่ ซึ่งได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี ก็ปรากฏว่าคมกระสุนพุ่งเข้าเป้าทั้ง 3 นัด จนร่างเสี่ยไช้กระเด็นไปนอนจมกองเลือดอยู่กับพื้น

จากนั้นส.ต.ต.นเรศรักษ์เผ่นไปตั้งหลัก ก่อนเข้ามอบตัวที่สภ.เมืองพัทยา

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุสอบสวน ส.ต.ต.นเรศรักษ์ และสอบปากคำพยานที่เกี่ยวข้องไปแล้วหลายปาก

พร้อมร่วมกับตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานมาตรวจที่เกิดเหตุ ตรวจเก็บปลอกกระสุนปืน ตรวจเก็บเขม่าดินปืนคู่กรณีทั้งสองฝ่ายและพยานที่เกี่ยวข้องแล้ว ซึ่งจะได้รวบรวมพยานหลักฐานประกอบคดีและสอบสวนต่อไป

เหตุที่เกิดขึ้นได้รายงานให้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. รับทราบแล้ว โดยผบ.ตร.ได้กำชับพนักงานสอบทำคดีอย่างตรงไปตรงไปมา ด้วยความรอบคอบ รวดเร็ว และเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย

ขณะที่ พ.ต.อ.อภิชัย กรอบเพชร ผกก.สภ.เมืองพัทยา เปิดเผยว่าจากการดูอาการของ จ.ส.ต.ปวเรศ ผู้ใต้บังคับบัญชา ล่าสุดปลอดภัยดีแล้ว ขณะที่อาการของนายสมชายก็มีอาการดีขึ้น แต่ยังคงต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิดและยังคงต้องรักษาตัวอยู่ที่ ร.พ.กรุงเทพ-พัทยา

เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ได้ตั้งข้อกล่าวหานายสมชาย 2 กระทง ตามหมายศาลจังหวัดพัทยา ได้แก่ 1.การพกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร และ 2.พยายามฆ่า ซึ่งขณะนี้ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไปคุมตัวและคุ้มกันอย่างใกล้ชิด

อีกหนึ่งอุทาหรณ์ที่ยืนยันได้ชัดเจน ไม่ว่าใครจะยิ่งใหญ่ขนาดไหน ก็ไม่มีทางหนีพ้นเงื้อมมือของกฎหมายไปได้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน