เป็นคดีสุดเศร้าที่เกิดจากความขัดแย้งในครอบครัว

สำหรับกรณี 2 เศรษฐีเมืองแพร่ คู่สามีอังกฤษกับภรรยาชาวไทย ที่ปักหลักซื้อที่ดินตั้งรกราก หวังใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างสุขสงบ

หายตัวไปอย่างปริศนา ทิ้งเงื่อนงำไว้หลายอย่าง ทั้งรอยเลือดในที่จอดรถ รถปิกอัพที่หายไป

จนญาติพี่น้องต้องพึ่งไสยศาสตร์ ซึ่งก็มีคำทำนายว่าทั้งคู่ถูกฆ่าเสียชีวิต ศพฝังอยู่ริมน้ำ!??

ทำให้ญาติที่เดือดเนื้อร้อนใจ นำมาแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อให้ช่วยตามหาเบาะแส

สุดท้ายก็ต้องพบกับความจริงที่น่าตระหนก ว่าทั้งคู่เสียชีวิตแล้วจริงๆ

ส่วนคนร้ายก็ไม่ใช่ใคร กลับเป็นพี่ชายของภรรยาชาวไทย

ที่เจ็บแค้นจากปมถูกดุด่า รวมทั้งหวังประโยชน์อยากจะฮุบสมบัติของน้องสาวและสามีฝรั่ง

นำมาซึ่งการจ้างวานฆ่า และร่วมลงมืออย่างโหดเหี้ยม

แต่สุดท้ายก็ไม่รอดเงื้อมมือของกฎหมาย

ปิดคดีพี่ฆ่าน้องที่น่าเศร้านี้ลงได้

เศรษฐีผัวเมียหายปริศนา

คดีสลดครั้งนี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 20 ก.ย. โดย พ.ต.ต.อมร ขว้างแป้น สารวัตรสอบสวนสภ.พระธาตุช่อแฮ อ.เมือง จ.แพร่ รับแจ้งเหตุว่านางหน็อต สุดแดน อายุ 61 ปี อยู่บ้านเลขที่ 207/4 หมู่ที่ 6 ต.ช่อแฮ อ.เมือง จ.แพร่ และนายอลัน สก็อต ฮ็อกก์ อายุ 61 ปี สามีชาวอังกฤษ หายตัวไปจากบ้านพักอย่างมีปริศนาเมื่อวันที่ 18 ก.ย.

โดยทั้งคู่ถือเป็นระดับเศรษฐีในพื้นที่ ซื้อที่ดินในต.ช่อแฮกว่า 100 ไร่ ปักหลักอยู่กินพัฒนาที่ดินมานานกว่า 10 ปี มีทั้งร้านอาหารและทำการเกษตร

ขณะที่ญาติให้การกับตำรวจว่า เมื่อวันที่ 19 ก.ย. เป็นวันที่ทั้งคู่ต้องเดินทางไปโรงพยาบาลเชียงใหม่ ตามที่หมอนัด แต่เมื่อถึงวันเวลาดังกล่าวกลับไม่สามารถติดต่อได้ เข้าไปตรวจสอบที่บ้านพัก ที่สวน ก็ไม่พบตัว

เมื่อไปดูดวงที่วัด พระ 2 วัดบอกตรงกันว่าทั้งคู่น่าจะถูกฆ่าแล้ว ศพฝังอยู่ริมห้วย ในบริเวณสวนนั่นเอง จึงรีบนำเรื่องมาแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ

ทั้งนี้เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบภายในบ้านพัก ที่โรงรถพบว่ามีรอยเลือดหยดอยู่บนพื้น ส่วนรถปิกอัพ 4 ประตู ยี่ห้อฟอร์ด ทะเบียน กต 3181 แพร่ ของนางหน็อต หายไป

จึงเข้าตรวจสอบลึกไปในสวน เมื่อถึงลำห้วยกว่างเน่า ที่อยู่ในบริเวณสวน พบรถแบ๊กโฮ สีฟ้า ซึ่งเป็นของนางหน็อตจอดอยู่ มีรอยล้อรถไปถึงลำห้วย ตรวจสอบพบหินกองอยู่จำนวนมาก ลักษณะคล้ายเขื่อนป้องกันดินถล่ม

เจ้าหน้าที่ใช้แบ๊กโฮขุดตรงจุดดังกล่าว แต่ก็ไม่พบร่องรอย พร้อมกับแบ่งกำลังส่วนหนึ่งออกค้นหาในสวนที่มีเนื้อที่กว่า 100 ไร่ แต่ก็ไม่พบเบาะแสอะไร

อย่างไรก็ดี ได้เก็บตัวอย่างเลือดที่พบ ที่โรงจอดรถไปตรวจสอบว่าเป็นเลือดมนุษย์หรือไม่

นอกจากนี้ยังพุ่งเป้าไปที่ญาติสนิทของนางหน็อตที่ทำงานร่วมกัน ซึ่งก็คือนายวารุต รัตนสัจจะกิจ อายุ 63 ปี พี่ชายแท้ๆ ของนางหน็อต นั่นเอง

แต่เบื้องต้นยังไม่มีหลักฐานชี้ชัด จึงทำได้แค่เชิญตัวมาสอบปากคำเท่านั้น

เช็กวงจรปิดรถของกลาง

ขณะที่การตามหาตัวยังไม่คืบหน้า เจ้าหน้าที่ก็พุ่งเป้าไปที่รถปิกอัพฟอร์ด 4 ประตู ทะเบียน กต 3181 แพร่ ที่หายไป

ในที่สุดก็ได้เบาะแส เมื่อจากการสอบปากคำพยานหลายต่อหลายปาก ต่างให้การตรงกันว่า คนที่ใช้รถคนสุดท้ายก็คือนาย วารุต พี่ชายนางหน็อตนั่นเอง รวมทั้งมีภาพจากกล้องวงจรปิด พบว่ารถคันดังกล่าวออกจากบ้านพักไปเมื่อเวลา 06.00 น. ของวันที่ 19 ก.ย.

แต่นายวารุตเองก็ยังไม่ยอมให้การใดๆ เจ้าหน้าที่จึงไล่วงจรปิด พบภาพสุดท้ายว่ารถคันดังกล่าวขับอยู่ที่อ.ศรีสำโรง จ.สุโขทัย

จึงตั้งข้อหาลักทรัพย์กับนายวารุตไว้ก่อน แล้วส่งฝากขังศาล ซึ่งศาลเองก็ให้ประกันตัว เจ้าหน้าที่จึงต้องส่งคนประกบจับตาดูไว้อย่างใกล้ชิด

พร้อมกันนั้นก็ออกสืบสวนหาข่าว จนได้ตัวนายธีรพล หรือตู่ สืบจากถิ่น อายุ 50 ปี และนายประสิทธิ์ ถิ่นสุข อายุ 55 ปี นำมาแยกสอบเพื่อสอบถามข้อมูลที่เกิดขึ้น

โดยนางหอม สืบจากถิ่น อายุ 76 ปี แม่ของนายธีรพล ที่เดินทางมาที่สภ.พระธาตุช่อแฮ เพราะเป็นห่วงลูกชาย เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 19 ก.ย. ขณะที่ตนและลูกชายกำลังเปิดร้านขายของเก่าที่หน้าสำนักสงฆ์วัดพระธาตุช่อแฮ หนานหนัด หรือนายวารุต มาจ้างให้ไปขับรถให้ในราคา 3 พันบาท ลูกชายเห็นว่าได้เงินมาก ก็รับทำงานให้ แต่ตนห้ามไว้เพราะดูไม่ชอบมาพากล

สุดท้ายลูกชายตนขับรถไปกับนายประสิทธิ์ และเมื่อวันที่ 23 ก.ย.ที่ผ่านมา หนานหนัดก็มาที่บ้านตนอีก บอกว่าหากตำรวจมาสอบถามให้ทำตัวไม่รู้เรื่อง และยังบอกว่าถูกตำรวจยึดโทรศัพท์ไป พร้อมให้เบอร์โทร.ใหม่มา แต่ตนไม่ยอมรับเพราะคิดว่าจะเกิดเรื่องไม่ดี

ขณะที่นางสมถวิล จุมพิต ภรรยาของนายประสิทธิ์ระบุว่า นายธีรพลและสามีนำรถปิกอัพสีขาวมาแวะที่ร้านรับซื้อไม้เก่าของตน ที่อยู่ตรงข้ามสหกรณ์ออมทรัพย์ครูแพร่ จำกัด แล้วก็ขับออกไปโดยไม่รู้ว่าไปที่ไหน ต่อมาเมื่อวันที่ 23 ก.ย. หนานหนัดก็ไปที่บ้านบอกให้ทำเป็นไม่รู้เรื่องเช่นกัน

หลังได้ร่องรอย ก็สืบต่อจนพบว่านาย วารุต หรือหนานหนัด จ้างทั้งคู่ให้ขับรถคันดังกล่าวไปให้พ่อค้าชาวลาว ที่ตกลงรับซื้อไว้ในราคา 420,000 บาท โดยหวังผล 2 อย่าง คือได้เงินมาใช้จ่าย กับต้องการเบี่ยงประเด็นให้คนเข้าใจว่า 2 สามีภรรยาขับรถไปท่องเที่ยวที่อื่น เพื่อเบนความสนใจออกไป

แต่ก็ไม่สำเร็จ ในที่สุดพ่อค้าชาวลาวที่เป็นผู้รับซื้อก็นำรถคันดังกล่าวมามอบให้กับ เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.พระนครศรีอยุธยา โดยระบุว่า เตรียมจะนำรถข้ามแดนไปใช้ที่ประเทศ แต่ขับรถมาธุระเสียก่อน เมื่อมาถึงจ.พระนคร ศรีอยุธยา ก็ทราบข่าว รู้ว่าเป็นรถของกลาง จึงมามอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ

หลักฐานเลยมัดแน่นขึ้นเรื่อยๆ

จับทีมฆ่า-พี่เมียสารภาพ

ไม่เพียงแค่เรื่องรถ เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้เทคนิคพิเศษ ตรวจสอบคนที่นายวารุตติดต่อด้วยในช่วงเวลาที่สองสามีภรรยาหายตัวไป จนได้ตัว 2 ผู้ต้องสงสัยประกอบด้วย นายเปี้ย คำใส หรือเสือทอง อายุ 63 ปี และนายกิตติพงศ์ คำวัน อายุ 24 ปี ชาวอ.วังชิ้น ญาติของนายเปี้ย ทั้งคู่เป็นคน อ.วังชิ้น จ.แพร่ จึงคุมตัวมาสอบสวนเมื่อวันที่ 24 ก.ย.

ในที่สุดทั้งคู่ก็เปิดปากรับสารภาพว่าเป็นผู้ร่วมลงมือฆ่าทั้งคู่ตามการว่าจ้างของนายวารุตนั่นเอง

โดยนายเปี้ยระบุว่าได้ค่าจ้าง 5 หมื่นบาท และแบ่งให้นายกิตติพงศ์ 3 พันบาท

พร้อมย้อนเหตุการณ์วันเกิดเหตุว่าเป็นช่วงประมาณ 18.00 น. ของวันที่ 18 ก.ย. ขณะที่นายอลันขับรถเอทีวี เอาอาหารมาให้เป็ดแมนดารินที่เลี้ยงไว้ในสวน นายเปี้ยก็เข้าประชิดตัว แล้วใช้ปืนลูกซองสั้นยิงใส่ 1 นัด จนเสียชีวิต

ส่วนนางหนอต ที่อยู่บริเวณสระน้ำ เมื่อได้ยินเสียงปืนก็วิ่งเข้ามา จากนั้นนายกิตติพงศ์ก็เข้ามาล็อกตัว แล้วนายวารุต หรือหนานหนัด ใช้ประแจตีที่ท้ายทอยนางหน็อตน้องสาว จนเสียชีวิต

จากนั้นนำศพไปรวมกันไว้ที่ริมลำห้วยกว่างเน่า ล้างคราบเลือดที่สระน้ำ แล้วใช้รถแบ๊กโฮภายในบ้านขุดหลุมริมห้วย จนน้ำมันหมด ก็ออกไปซื้อน้ำมันมาเติมแล้วขุดต่อ จากนั้นนำร่างทั้งคู่ใส่ในหลุม เสร็จสิ้นช่วงเวลา 20.00 น.

เมื่อรับเงินค่าจ้างทีมฆ่าทั้งสองก็เดินทางกลับ โดยโยนปืนลูกซองสั้นทิ้งลงลำห้วยแถวๆ รอยต่อเขต อ.ลอง กับ อ.วังชิ้น เพื่อทำลายหลักฐาน จากนั้นช่วงเช้าวันที่ 19 ก.ย. นายวารุต ก็เอารถไปขาย

หลังจากได้ข้อมูลจากทีมสังหาร เจ้าหน้าที่ก็ลุยค้นหาศพอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งแต่ช่วงเช้าวันที่ 25 ก.ย. เจ้าหน้าที่ก็ใช้แบ๊กโฮขุดตรงจุดที่ทีมสังหารรับสารภาพ

ซึ่งก็คือจุดเดิมที่เคยขุดหาตั้งแต่วันแรก ครั้งนี้ขุดลึกไปกว่า 3 เมตร ก็พบศพทั้งคู่ในสภาพนอนก่ายกัน

จึงรวบรวมหลักฐานขออนุมัติหมายจับนายวารุต แล้วจึงควบคุมตัวมาสอบสวน

เมื่อจำนนต่อหลักฐาน ก็เปิดปากรับสารภาพว่าสาเหตุที่จ้างฆ่าน้องสาวและน้องเขย ก็เพราะเจ็บแค้น ที่ผ่านมาทำงานให้แต่มักจะถูกเขยฝรั่งดุด่า เวลามีเรื่องน้องสาวก็เข้าข้างสามี นอกจากนี้ยังหวังจะได้เป็นผู้ดูแลทรัพย์สินแทน หากไม่มีใครพบพิรุธ

ลงมือได้แม้กระทั่งน้องสาวที่คลานตามกันมา

สุดท้ายก็ต้องคอตกเข้าคุกไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน