ชยพล ปัญญาวิศิษฎ์กุล – เรื่อง/ภาพ

เมื่อวันที่ 24 ก.ย. พ.ต.อ.สมบัติ ฉ่ำแสง ผกก. สภ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี นำกำลังเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบภายใน รีสอร์ตแห่งหนึ่ง หลังสถานีบริการน้ำมัน ปตท.ท้องที่หมู่ 7 ต.ตะเคียนทอง อ.กาญจนดิษฐ์ หลังได้รับประสานจากชุดสืบสวน สภ.เมืองระยอง ว่า พบสัญญาณ จีพีเอส ของรถโตโยต้า รุ่นฟอร์จูนเนอร์ สีขาว ทะเบียน 1 กษ 8603 กรุงเทพมหานคร ของคนร้ายที่ก่อเหตุงัดตู้เอทีเอ็ม ธนาคารกรุงไทย สาขาระยอง เหตุเกิดเมื่อวันที่ 15 ก.ย. ที่ผ่านมา อยู่ที่รีสอร์ตดังกล่าว

เมื่อไปถึงพบที่ห้องพักหลังที่ 4 พบรถ คันดังกล่าวจอดอยู่หน้าห้องพัก จึงประสานเจ้าของที่พักเข้าตรวจสอบ ภายในห้องพบชาวต่างชาติ 3 ราย ทราบชื่อมี นายลาฟ นิโคลิก อายุ 51 ปี และ น.ส.มิลิก้า ลูติก อายุ 42 ปี ภรรยานายนิโคลิก นายนีนัส สโกคิกส์ อายุ 65 ปี ทั้งหมดสัญชาติเซอร์เบีย

จากการตรวจสอบภายในรถ พบถังแก๊สแอลพีจีขนาด 5 กิโลกรัม จำนวน 2 ถัง ถังออกซิเจน 1 ถัง ชะแลงเหล็ก 2 อัน อุปกรณ์หัวตัดแก๊ส คีมตัดเหล็ก ค้อน และไขควง นอกจากนี้พบชุดเสื้อผ้าที่คาดว่าสวมใส่ในการก่อเหตุ มีหมวกปีกกว้าง 2 ใบ ไฟฉาย 1 อัน เสื้อแขนยาวสีดำ 1 ตัว หมวกโม่ง 1 ใบ และชุดหมีสีน้ำเงิน 1 ชุด ซึ่งเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน 8 ได้เข้าเก็บลายนิ้วมือไว้เป็นหลักฐาน

เบื้องต้นทั้ง 3 ให้การว่า เดินทางมาจาก จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 14 ก.ย. และลงมายังภาคใต้ โดยแวะพักที่ จ.ชุมพร 3 คืน จึงมาเข้าพักที่รีสอร์ตแห่งนี้ เมื่อวันที่ 19 ก.ย. ที่ผ่านมา แต่จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองสุราษฎร์ธานี พบว่า นายลาฟ เดิมใช้ชื่อ นายมิลาน เคยก่อเหตุชิงทรัพย์ในประเทศไทย

หลังถูกดำเนินคดีได้ประกาศรายชื่อเป็นบุคคลห้ามเข้าประเทศไทย (แบล็กลิสต์) เมื่อปี 2559 แต่ได้เปลี่ยนชื่อเป็นนายลาฟ กลับเข้ามาก่อเหตุ โดยพบว่า ทั้ง 3 รายเดินทางผ่านด่านปอยเปตประเทศกัมพูชา เข้ามายังประเทศไทย ผ่านทางด่านคลองลึก จ.สระแก้ว ด้วยรถโดยสารประจำทาง เมื่อวันที่ 4 ก.ย. จึงควบคุมตัวและประสาน นำตัวส่ง สภ.ระยอง สอบสวนดำเนินคดีและขยายผล








Advertisement

ย้อนกลับไปเมื่อเวลา 03.00 น. วันที่ 15 ก.ย. ร.ต.ท.สุเชษฐ์ เทพชาลี ร้อยเวร สภ.เมืองระยอง รับแจ้งเกิดเหตุคนร้ายงัดตู้เอทีเอ็มธนาคารกรุงไทย สาขาท่าประดู่ เลขที่ 2/1 ปากซอยราษฎร์บำรุง ถ.สุขุมวิท ต.ท่าประดู่ อ.เมือง จ.ระยอง จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ พร้อมประสานเจ้าหน้าที่ธนาคาร เจ้าหน้าที่ตำรวจสายสืบ และ ตำรวจวิทยาการ จ.ระยอง เดินทางไปที่เกิดเหตุทันที

เมื่อไปถึงพบว่า คนร้ายใช้ไฟแก๊สตัดประตูเหล็กด้านหลังตู้จนขาด มีธนบัตรฉบับละ 1,000 บาท ถูกไฟไหม้จนเหลือเพียงครึ่งใบ ตกอยู่ 2 ใบ ภายในตู้พบมีการงัดจนเห็นธนบัตรในกล่อง คาดว่าคนร้ายดึงออกไปไม่ได้ จึงเอาไปเท่าที่ดึงออกไปได้ จากการตรวจสอบยังพบว่า มีการตัดระบบไฟฟ้าทั้งหมด

ต่อมา พ.ต.อ.วิเชียร ยันตรัตน์ รอง ผบก.ระยอง พ.ต.อ.ดำรงค์ อ้วนสูงเนิน ผกก.สภ.เมืองระยอง และเจ้าหน้าที่ของธนาคารเกิดเหตุ เดินทางมาตรวจสอบ พบว่าคนร้ายตัดระบบไฟฟ้าของกล้องวงจรปิด และสัญญาณเตือนภัย โดยพบว่าคนร้ายได้เงินไปจำนวน 117,000 บาท

ตำรวจคาดว่า เป็นคนร้ายกลุ่มเดียวกับที่ลงมืองัดตูเอทีเอ็ม ธนาคารกรุงเทพ สาขาระยอง ที่อยู่ห่างไป 2 ก.ม. เมื่อกลางดึกวันที่ 14 ก.ย. แต่ไม่ได้เงินไป โดยคนร้ายสวมหมวกไหมพรมปิดหน้ามิดชิด

หลังเกิดเหตุ พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.จิตติ รอดบางยาง ผบช.ภ.2 พล.ต.ต.เชษฐา โกมลวรรธนะ รอง ผบช.ภ.2 สั่งการให้ระดมชุดสืบสวน ทั้งบช.ภ.2 สืบจังหวัดระยอง และสืบโรงพัก เร่งรัดจับกุมคนร้ายให้ได้โดยเร็ว

ขณะที่เมื่อไล่ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด ตามเส้นทางถนนสุขุมวิท ในช่วงเวลาที่เกิดเหตุ ก็พบรถต้องสงสัยเป็นรถโตโยต้า รุ่นฟอร์จูนเนอร์ สีขาว ทะเบียน 1 กษ 8603 กรุงเทพมหานคร เมื่อนำทะเบียนไปตรวจสอบพบว่า เป็นรถของเต็นท์รถเช่าที่พัทยา จึงติดต่อข้อข้อมูลก่อนพบว่ารถ ดังกล่าวมี น.ส.มิลิก้า ลูติก มาเช่าไป ที่สำคัญมีระบบจีพีเอสติดตาม จนนำมาสู่การบุกจับกุมตัว 3 คนร้ายได้ในที่สุด

พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ กล่าวภายหลังปิดคดีลงได้ว่า จะให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเพิ่มความเข้มในการตรวจตรา และจะประสานทางสถาบันการเงินทุกที่ให้ดูแลเข้มงวด โดยเฉพาะตู้เอทีเอ็มที่คนร้ายเข้ามาก่อเหตุซ้ำอีก และจะประสานด่านตรวจคนเข้าเมือง ให้เข้มงวดในการตรวจตรา

“โดยเฉพาะคนที่เปลี่ยนชื่อนามสกุล จะต้องให้เจ้าหน้าที่ตรวจดีเอ็นเอ ม่านตา และลายนิ้วมือ เพื่อป้องกันเหตุไม่ให้บุคคลต่างชาติเข้ามาก่อเหตุในประเทศไทยซ้ำอีก” รองผบ.ตร. กล่าวย้ำ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน