คอลัมน์ แฟ้มคดี

เป็นอีกคดีดังของปี 2559 สำหรับกรณี 2 พี่น้องจอมตุ๋น

คุณหญิงไก่-กิมเอ็ง ที่เคยโด่งดังจากคดี ตุ๋นเครื่องราชฯ เมื่อ 30 ปีที่แล้ว

โดยครั้งนั้น”กิมเอ็ง”ตกเป็นผู้ต้องหาคนสำคัญ

ขณะที่”หญิงไก่”เป็นพยานปากเอกของคดี ที่มีส่วนอย่างยิ่งในการเอาผู้ต้องหาของคดีเข้าคุก

มาครั้งนี้ทั้งคู่ตกอยู่ในฐานะผู้ต้องหาฉ้อโกง หลอกลวง

หนำซ้ำยังมีความผิดฐานแอบอ้างเบื้องสูง มาตรา 112

โอกาสสูงทีเดียวที่จะต้องอยู่ในคุกจนตลอดชีวิต

สอบ”หญิงไก่”แจ้งความเท็จ

กรณีของ”หญิงไก่”และ”กิมเอ็ง” ตกอยู่ในความสนใจของสังคมอีกครั้ง โดยเริ่มจาก”หญิงไก่”ก่อน เมื่อน.ส.ประภาวรรณ ใจกล้า อายุ 19 ปี ว่าที่นิสิตคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง เข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม เมื่อวันที่ 21 มิ.ย.

พร้อมร้องทุกข์ว่าถูกอดีตนายจ้างแจ้งความข้อหาลักทรัพย์ตนและครอบครัว หาว่า ลักทรัพย์ประกอบด้วยทองคำแท่ง ทองรูปพรรณ-สร้อยเพชร มูลค่ากว่า 10 ล้านบาท

โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสน.ประชาชื่น ก็รับเป็นคดี โดยมีหลักฐานเป็นภาพจากกล้องวงจรปิดที่ตนและครอบครัวหิ้วกระเป๋า เดินทางออกจากห้องพักผู้เสียหายเท่านั้น

ส่งผลให้เดือดร้อนแสนสาหัส มีคดีติดตัว ส่อจะไม่ได้เข้าศึกษาต่อในคณะที่สอบได้

จึงขอความเป็นธรรม สอบสวนเรื่องนี้ ให้กระจ่างด้วย

เมื่อตรวจสอบก็ได้ความว่านายจ้างเจ้าทุกข์คนนี้ก็คือนางมณตา หยกรัตนกาญ หรือนามสกุลเดิม หยกวิริยะกุล น้องสาวของนางดวงฤทัย จารุจินดา หรือกิมเอ็ง แซ่เตีย 1 ในผู้ต้องหาคดีตุ๋นเครื่องราชฯที่โด่งดัง

และแล้วก็พบความไม่ชอบมาพากล เมื่อพบว่าไม่ใช่แค่นิสิตหญิงคนนี้เท่านั้นที่ถูก แจ้งความดำเนินคดี

โดยที่สน.ประชาชื่น ตั้งแต่ปี 2553 มีคดี ที่นางมณตา แจ้งความไว้ถึง 9 คดี ซึ่งทุกคดีพนักงานสอบสวนสั่งฟ้องทั้งหมด

นำมาสู่คำสั่ง บช.น.ที่ 174/2559 แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ตรวจสอบสำนวนคดีทั้งหมด รวมถึงตำรวจยศ ร.ต.ท. สน.ประชาชื่น ที่มีพยานให้การว่า เข้ามายุ่งกับสำนวนคดี จนเป็นเหตุให้ทำคำสั่งฟ้องทั้งหมด

นอกจากนี้ยังมีนายตำรวจอีก 5 นาย ที่พัวพันกับการทำสำนวนทั้ง 9 คดี ที่ต้อง ถูกสอบสวน

พบพฤติกรรมอ้างเบื้องสูง

นอกจากการแจ้งความกลั่นแกล้งผู้อื่นแล้ว เมื่อสาวลงไป ก็พบพฤติกรรมไม่บังควร ในเรื่องหมิ่นสถาบัน โดยมักอ้างกับคนใกล้ชิด ว่าสนิทสนมกับเจ้านายในสถาบันเบื้องสูง

เคยกระทำผิด 3 กรรม ในช่วงปี 2555,2556 และ 2558

โดยปี 2555 อ้างตัวกับแม่บ้านที่มีบริษัทจัดหางานย่านรามอินทราส่งมาให้ ว่าสนิทสนมกับเจ้านายชั้นผู้ใหญ่ อีกทั้งให้เรียกคุณหญิง และต้องหมอบคลานเข่าเข้าหาตลอด

ปี 2556 อ้างกับหุ้นส่วนที่ทำธุรกิจใบ้หวย แอบอ้างสถาบัน อวดอุตริว่ามีญาณวิเศษบอกเลขเด็ด แต่ต้องมีค่าใช้จ่าย แถมตอนวันเปิดบริษัทอ้างมีเจ้านายชั้นสูงมาร่วมงาน ให้ตำรวจเตรียมพื้นที่ต้อนรับ แต่สุดท้ายก็ไม่มา และในปี 2558 ก็แอบอ้างเบื้องสูง ให้คนเรียกเป็นคุณหญิง

นอกจากนี้ยังพบว่าหญิงไก่มักเดินทาง ไปหาลูกจ้างที่เป็นเด็กชาวเขา โดยที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนก็มีผู้เสียหายจำนวน 6 ราย ซึ่งนอกจากบก.ปคม. จะลงพื้นที่ตรวจสอบ คดีค้ามนุษย์แล้ว ยังทราบว่าเวลาที่หญิงไก่ เดินทางไป จะอ้างเบื้องสูง และทุกคนต้องหมอบกราบ คลานเข่าเข้าหาเช่นกัน

หลังรวบรวมหลักฐานพนักงานสอบสวนกองปราบปรามก็แจ้ง 3 ข้อหาหนัก เมื่อวันที่ 7 ก.ค. ประกอบด้วย 1.แจ้งความเท็จ กลั่นแกล้งผู้อื่นให้ได้รับโทษทางอาญา 3 คดี 2.พยายามค้ามนุษย์ และ3.หมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายสถาบันเบื้องสูง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112

พร้อมนำตัวไปพิมพ์ลายนิ้วมือ และทำประวัติ

ขณะที่ศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว เนื่องจากเป็นคดีที่มีอัตราโทษสูง พฤติการณ์มีลักษณะนำความเสื่อมเสียมาสู่สถาบัน อันเป็นที่เทิดทูนของประชาชนผู้จงรักภักดี

พร้อมนำตัวไปควบคุมตัวที่ทัณฑสถานหญิงกลาง บางเขน

และเป็นคดีที่อยู่ในการพิจารณาของศาล

พี่สาว”กิมเอ็ง”ก็โดนด้วย

สำหรับนางกิมเอ็ง แซ่เตีย นั้นก็เกิดจากการขยายผลจากคดี หญิงไก่ เมื่อพบว่ามีผู้ที่มีพฤติกรรมคล้ายกัน แอบอ้างเบื้องสูง หา ผลประโยชน์ ซึ่งคาดว่าจะเป็นนางกิมเอ็ง เพียงแต่ตอนนี้ใช้ชื่อ ว่า ดร.กมนทรรศน์ ธนธรณโฆษิตจิร หรือแม่ตุ่ม

จึงติดตามหาข้อมูล จนกระทั่งเมื่อวันที่ 22 ก.ค. 2558 มีสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่งเผยแพร่วีดิทัศน์เฉลิมพระเกียรติ มีบทสัมภาษณ์ดร.กมนทรรศน์ ระบุว่า เคยตามเสด็จใกล้ชิดบุคคลชั้นสูง อีกทั้งเป็นผู้ปรุงอาหารถวายในสำนักพระราชวัง

จึงรวบรวมพยานหลักฐานก่อนบุกจับกุมตัว ขณะหลบหนีไปที่ ต.เกยไชย อ.ชุมแสง จ.นครสวรรค์ โดยเจ้าตัวให้การรับสารภาพทั้งหมด

สอบสวนพบพฤติกรรมแอบอ้างใกล้ชิดบุคคลเบื้องสูง เป็น ผู้ปรุงอาหารถวายในสำนักพระราชวัง สร้างภาพทางสังคมหรือสาธารณะให้ผู้พบเห็นเชื่อว่าเป็นผู้ใกล้ชิดกับบุคคล ชั้นสูง แสดงตนเป็นตัวแทนประกอบพิธีต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับโครงการเฉลิมพระเกียรติ จัดงานวันเกิดยิ่งใหญ่

มีผู้แต่งกายเป็นเจ้าหน้าที่สำนักพระราชวัง นำของขวัญและแจกันดอกไม้ อ้างได้รับพระราชทาน เพื่อให้บุคคลอื่นหลงเชื่อ จากนั้นชักชวนให้ร่วมทำบุญอ้างถวายเป็นพระราชกุศล มีผู้เสียหายหลายคนหลงเชื่อ มอบเงินสดและโอนเงินเข้าบัญชี พร้อมทำหนังสือทรงขอบคุณปลอมให้กับเหยื่อ มูลค่าความเสียหายกว่า 3 ล้านบาท

จึงแจ้งข้อหา หมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์

พร้อมกับติดตามจับกุมนายถาวร พวงประทุม อายุ 66 ปี อดีตพนักงานสำนักพระราชวัง และนายศักดิ์ สิริยาคม ที่อ้างเป็นเจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังเชิญพานแจกันดอกไม้พระราชทาน ส่วนนายสมศักดิ์ทำหน้าที่ เป็นผู้มอบให้นางกิมเอ็ง

และยังมีข้อมูลอีกส่วนว่ามีกลุ่มคนมีสีอีกจำนวนหนึ่งเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าวด้วย

ทั้งหมดถูกคดี 112

ศาลพิพากษาจำคุก 150 ปี

ทั้งนี้เมื่อวันที่ 18 พ.ย.2559 ศาลนัดสอบคำให้การจำเลยในคดีที่พนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 9 เป็นโจทก์ฟ้องนางกมนทรรศน์ หรือกิมเอ็ง พ.ต.ท.เอกศิษฐ์ ธนธรณ์โฆษิตจิร อายุ 68 ปี สามี นายถาวร พวงประทุม อายุ 66 ปี และนายศักดิ์ สิริยาคม อายุ 50 ปี จำเลยที่ 1-4

ในความผิดฐานร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย พระมหากษัตริย์ฯ, ร่วมกันฉ้อโกง, ปลอมเอกสารราชการและใช้เอกสารราชการปลอม

แสดงข้อความอันเป็นเท็จอ้างว่า หากทำบุญกับเบื้องสูงจะได้บุญมากกว่าการทำบุญด้วยวิธีการอื่นๆ โดยเฉพาะผลไม้เมื่อเอาไปถวายแล้ว จะนำผลไม้ส่วนหนึ่งไปทำบุญกับพระสมเด็จ (พระราชาคณะชั้นสมเด็จขึ้นไป) ตามวัดต่างๆ และอีกส่วนหนึ่งจะนำไปแจกให้กับเบื้องสูง ทำให้ประชาชนเสื่อมศรัทธา

นอกจากนี้ยังหลอกลวงว่าจะช่วยวิ่งเต้นให้เพื่อนของผู้เสียหายได้รับงบประมาณขุดลอกคูคลองทางภาคอีสานจากหน่วยงานราชการ

อ้างว่าเป็นบุตรบุญธรรมของคุณหญิงท่านหนึ่ง ให้ผู้เสียหายเอาเงินไปซื้อแหวนเพชรและเอาเงินสดไปดูแลและรับรองคุณหญิง คนดังกล่าว

รวมทั้งหลอกลวงจัดงานเลี้ยงฉลองวันเกิด อ้างประกาศต่อหน้าผู้มาร่วมงานว่าเจ้าหน้าที่จากสำนักพระราชวังนำของขวัญมามอบให้ และหลอกลวงให้ร่วมทำบุญทอดกฐินพระราชทาน รวมทั้งให้ตัดเสื้อผ้าจำนวนหลายชุด

อ้างว่าจะนำไปสวมใส่ในงานกฐินพระราชทานที่วัดในจังหวัดสมุทรสาคร และยังปลอมหนังสือของสำนักราชเลขา ธิการ หลอกลวงผู้เสียหายจำนวนทั้งสิ้น 5,140,880 บาท

ศาลสอบคำให้การจำเลยแล้ว ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 และ 4 รับสารภาพ ส่วนจำเลย ที่ 2 และ 3 ให้การปฏิเสธ ต่อสู้คดี

จึงให้แยกฟ้องจำเลยที่ 2 และ 3

และพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 และ 4 กระทำผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรม เป็นกระทงความผิดไปฐานดูหมิ่นเบื้องสูง 5 กระทง จำคุกกระทงละ 2 ปี เป็น 10 ปี ฐานฉ้อโกง 2 กระทง กระทงละ 7 ปี เป็น 14 ปี และฐานฉ้อโกง และฐานหมิ่นประมาทเบื้องสูงอีก 24 กระทง กระทงละ 5 ปี เป็นจำคุกคนละ 120 ปี รวมโทษจำคุกจำเลยทั้งสองคนละ 144 ปี

จำเลยที่ 1 ยังผิดฐานใช้เอกสารราชการปลอมอีก 2 กระทง กระทงละ 3 ปี เป็น จำคุกจำเลยที่ 1 ไว้ 150 ปี ส่วนจำเลยที่ 4 จำคุก 144 ปี

คำรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง เหลือจำคุกจำเลยที่ 1 ไว้ 75 ปี ส่วนจำเลยที่ 4 จำคุก 72 ปี

อย่างไรก็ตาม ตามกฎหมายบัญญัติไว้ให้จำคุกได้ไม่เกิน 50 ปี จึงให้จำคุกจำเลยทั้งสองไว้คนละ 50 ปี และให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้เงินแก่ผู้เสียหายตามฟ้อง

ปิดฉากจอมตุ๋นมหากาฬ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน