ย้อนอุบัติเหตุสลด รตอ.ซิ่งกระบะข้ามเกาะ ชนรถรพ.พยาบาลสาวดับ

 

 

โดย สุรชัย พิรักษา – เรืองรุจ วังแจ่ม – เรื่อง/ภาพ

อุบัติเหตุเกิดขึ้นครั้งใด ย่อมนำมาซึ่งความสะเทือนใจ ยิ่งเป็นเหตุที่สามารถป้องกันได้ง่ายๆ เพียงแค่ไม่ขับรถระหว่างเมาสุรา

ย้อนกลับไปเมื่อกลางดึก วันที่ 15 ต.ค. พ.ต.ท.สุทิน หวังกลับ รองผกก.สส. รักษาราชการแทน ผู้กำกับการ สภ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ รับรายงานเหตุรถพยาบาลของ โรงพยาบาลประโคนชัย ถูกรถกระบะข้ามเลนมาชนประสานงา จนมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตหลายราย

เหตุสยองดังกล่าวเกิดขึ้นบนถนนสาย บุรีรัมย์-ประโคนชัย ช่วงระหว่างบ้านไทร-ไพบูลย์ ต.บ้านไทร อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ จึงรีบเดินทางไปตรวจสอบพร้อมประสานมูลนิธิกู้ภัยร่มไทร และกู้ชีพ อบต.บ้านไทร เข้าให้ความช่วยเหลือ

ในที่เกิดเหตุรถกระบะยี่ห้ออีซูซุ สีบรอนซ์เงิน ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน เสียหลักข้ามเลนพุ่งชนประสานงากับรถพยาบาลของร.พ.ประโคนชัย ความแรงของการชนทำให้รถพยาบาลคันดังกล่าวพลิกคว่ำตกลงไปข้างทาง ในสภาพพังเสียหายยับเยินเกือบทั้งคัน อุปกรณ์เครื่องมือแพทย์กระจายเกลื่อน ส่วนรถกระบะก็มีสภาพพังเสียหายยุบเข้าไปเกือบถึงคอนโซนหน้ารถ แต่คนขับบาดเจ็บเล็กน้อย

เบื้องต้นภายในรถพยาบาลพบผู้บาดเจ็บ จำนวน 6 ราย เป็นเจ้าหน้าที่พยาบาลสาวประจำรถคันดังกล่าว คนไข้ซึ่งเป็นสาวท้องแก่ ญาติคนไข้ และคนขับรถ มูลนิธิกู้ภัยร่มไทร และกู้ชีพ อบต.บ้านไทร เร่งลำเลียง ส่งโรงพยาบาลประโคนชัย แต่น่าเศร้าที่พบว่า น.ส.สุดารัตน์ เชื้อมาก หรือ น้องดา อายุ 25 ปี พยาบาลวิชาชีพ รพ.สต.เขาคอก ปฏิบัติหน้าที่พยาบาลรีเฟอร์ มีอาการสาหัสไม่ได้สติ แม้นจะพยายามปั๊มหัวใจเพื่อช่วยเหลือ แต่ก็ไม่สามารถยื้อชีวิตไว้ได้ จึงเสียชีวิตในที่สุด

ในที่เกิดเหตุยังพบร.ต.อ.เดชา เปรียบสม รอง สวป.สภ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ ยืนรอมอบตัวอยู่ โดยรับว่าเป็นคนขับรถกระบะอีซูซุ คันที่เสียหลักข้ามเลนมาชนรถพยาบาล จนมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตดังกล่าว

พ.ต.ท.สุทินสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุสลด รถพยาบาลคัน ดังกล่าว กำลังปฏิบัติภารกิจรับตัวหญิงสาวท้องแก่ใกล้คลอด จากโรงพยาบาลประโคนชัย เพื่อจะส่งไปทำคลอดที่โรงพยาบาลศูนย์บุรีรัมย์ โดยมีญาติ เจ้าหน้าที่พยาบาล นั่งในรถคันดังกล่าวด้วย รวม 6 คน

ระหว่างทาง รถกระบะที่มีร.ต.อ.เดชา ขับวิ่งสวนทาง และข้ามเลนพุ่งเข้ามาชนจนเป็นเหตุให้รถทั้งสองคันพังยับเยิน โดยเจ้าตัวให้การว่าขับรถกระบะมาจากอ.พลับพลาชัย หลังไปช่วยครอบครัวเกี่ยวข้าว ซึ่งเป็นช่วงวันหยุดของตัวเอง พอมาถึงจุดเกิดเหตุมีอาการวูบหลับใน จนรถเสียหลักข้ามเลนไปชนกับรถพยาบาลดังกล่าว

นับว่ายังโชคดีที่คนไข้สาวท้องแก่ ถูกส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลศูนย์บุรีรัมย์ อาการพ้นขีดอันตราย แพทย์สามารถผ่าทำคลอดทารกน้อยได้อย่างปลอดภัย ส่วนที่เหลืออีก 4 คนยังรักษาตัวอยู่ที่ ร.พ.ประโคนชัย

สำหรับรถกระบะที่มีร.ต.อ.เดชา เปรียบสม รอง สวป.สภ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ เป็นคนขับ จากการสอบปากคำเบื้องต้น ก็ให้การกับพนักงานสอบสวน ว่าขับรถกระบะกลับมาจากเกี่ยวข้าวช่วยครอบครัวที่ อ.พลับพลาชัย ซึ่งเป็นช่วงวันหยุด พอมาถึงจุดเกิดเหตุมีอาการวูบหลับใน จนรถเสียหลักข้ามเลนไปชนกับรถพยาบาลดังกล่าว

แต่เมื่อเจ้าหน้าที่นำตัวร.ต.อ.เดชา มาสอบสวนที่โรงพัก และจะตรวจวัดแอลกอฮอล์เพื่อประกอบสำนวนตามปกติ ปรากฏว่า ร.ต.อ.เดชา ปฏิเสธไม่ยอมเป่าเครื่องทดสอบ อ้างว่ามีอาการเจ็บหน้าอก ทำให้กลายเป็นข้อกังขา ว่าเจ้าหน้าที่จะช่วยเหลือพวกเดียวกัน

ก่อนที่กระแสวิพากษ์วิจารณ์จะลุกลามบานปลาย พ.ต.อ.วีรพล เจริญศิริ รรท.ผบก.ภ.จว.บุรีรัมย์ รีบสั่งการให้ดำเนินคดีอย่าง ตรงไปตรงมา ก่อนเปิดเผยหลังมอบเงินช่วยเหลือให้กับครอบครัว น.ส.สุดารัตน์ พยาบาลที่เสียชีวิต ที่บ้านมะขามเจรอะ ต.จันดุม อ.พลับพลาชัย จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นบ้านเกิดของพยาบาลสาว

ว่าจากการสอบถามข้อมูลหลายฝ่ายในเบื้องต้น เชื่อว่า ร.ต.อ.เดชา เปรียบสม มีความผิดจริง จึงตั้งพนักงานสอบสวนขึ้นมา 6 นาย เป็นพนักงานสอบสวนจากตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อให้ญาติ ได้สบายใจ พร้อมได้มีคำสั่งย้ายพ.ต.ท.สุทิน มาปฏิบัติราชการที่ ศปร.ภ.จว.บุรีรัมย์ เพื่อความสบายใจของญาติผู้ตาย

พ.ต.อ.วีรพลกล่าวต่อว่า ขณะนี้ได้ตั้งข้อหากับ ร.ต.อ.เดชา จำนวน 3 ข้อหา คือ 1.ขับรถไม่สวมแผ่นป้ายทะเบียน 2.ขับรถประมาทให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต และ 3.ขับรถขณะมึนเมาสุราหรือของเมาอย่างอื่นโดยประมาทหรือน่าหวาดเสียว เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย

“เบื้องต้น ร.ต.อ.เดชา รับสารภาพ 2 ข้อหา แต่ปฏิเสธข้อหาเมาแล้วขับ ซึ่งเป็นสิทธิ์ของผู้ถูกกล่าวหา โดยจะต้องสอบสวนหลายฝ่ายที่อยู่ในที่เกิดเหตุ โดยเฉพาะการที่ไม่ยอมให้ตรวจวัดแอลกอฮอล์ น่าจะเป็นหลักฐานที่ศาลเชื่อได้ว่าเมาสุรา ทั้งนี้ ตำรวจจะทำคดีตรงไปตรงมา ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย หากตำรวจเป็นฝ่ายผิด ก็จะดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยไม่ละเว้นแน่นอน” พ.ต.อ.วีรพลให้ความมั่นใจกับญาติพยาบาลสาว

อุบัติเหตุจากความเมาครั้งนี้ นอกจากน้องดาแล้ว ยังมี น.ส. จรวยพร ปาประโคน อายุ 40 พยาบาลวิชาชีพ ร.พ.ประโคนชัย ซึ่งนั่งมาด้วยก็อาการสาหัส ต้องผ่าตัดสมอง และยังพบว่าม้ามแตก ต้องผ่าตัดรอบสอง อาการเป็นตายเท่ากัน

แม้นเรียกคืนมาไม่ได้ แต่การที่คนผิดได้รับการลงโทษ ตามกฎหมายอย่างยุติธรรม ก็นับเป็นการเยียวยาจิตใจครอบครัว ผู้สูญเสียได้ไม่มากก็น้อย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน